2 ปีก่อน ช่วง 2014 Google ปรับระบบใหม่ทำให้ การทำอันดับบน Google Search ด้วยการทำ SEO ทำได้ยากขึ้น เทคนิค Dark Force ศาสตร์มืดทั้งหลาย ก็ค่อยๆถูก Google จัดการปราบเรียบ นักการตลาดออนไลน์ ก็หนีไปทำตลาดกันผ่านทาง Facebook ด้วยการสร้าง Facebook Page (แฟนเพจ) ขึ้นมา
มาในปัจจุบัน 2016 Facebook ก็ปรับระบบใหม่ ทำให้การโชว์ Post บน News Feed มีรูปแบบที่หลากหลายขึ้น ในขณะเดียวกันก็ ลดจำนวนการเห็นโพสแบบธรรมชาติ (Organic Reached) จากแฟนเพจ เป็นอย่างมาก (เรียกว่าเป็น 0 เลยก็ได้) รวมไปถึงตัวโฆษณา Facebook Ads ก็มีการปรับการแสดงผล ไปในทิศทางที่ว่า
“ทำให้เปลืองเงินมากขึ้น … หากลง Ads แบบโง่ๆ”
แน่นอนว่า นักการตลาดออนไลน์ ก็หนาวๆร้อนๆ เพราะไม่รู้จะ หนีไปไหนอีก ถึงจะดี
– มีเว็บไซต์ เค้าก็ว่า … เด้วนี้มันทำ SEO ยากแท้
– มีแฟนเพจ เค้าก็ว่า … เด้วนี้มันไม่ค่อยเห็นโพส ยิง Ads ก็แพง
แต่ไม่ว่าจะบ่นยังไง คนที่ทำตลาด ทำธุรกิจ บนโลกออนไลน์ ก็ยากที่หนีไปจาก ทั้ง Google และ Facebook ได้
สิ่งที่เราทำได้ไม่ใช่ “การหนี” เพราะนั่น แสดงว่า เรายังไม่เชี่ยวชาญพอ ..
และหากต้องการเชี่ยวชาญ เราจำเป็นต้อง “ปรับตัว” ต้องศึกษาเรียนรู้
ด้วยเหตุผลข้างต้นนี่เอง ผมจึงอยากนำเสนอ เพื่อช่วยเป็นเสมือน “ประตู” ให้คนที่คิดกำลังจะศึกษาการลงโฆษณา Facebook Ads ได้เข้าใจ และเลือกถูกว่า คุณควรจะเดินเข้าไปในประตูไหน !!
[เหมือนมาบอกว่า “หัวข้อใหญ่ๆ” ไหนบ้างที่คุณควรไปศึกษาเรียนรู้ต่อ]
อะไรที่ต้องรู้ ? สำหรับการลงโฆษณา Facebook Ads
A : สิ่งที่ต้องรู้ก่อนลง Ads
1. ต้องรู้วัตถุประสงค์ : [เน้นขาย หรือ เน้นให้เป็นที่รู้จัก]
• เน้นขาย (Demand Capturing) เช่นโปรโมทตัวโครงการใหม่
• เน้นให้คนรู้จัก (Brand Awareness) เช่น โปรโมทโครงการเล็กๆ
2. ต้องรู้และกำหนดปลายทางของ Ads : [Landing Page]
• Website (มีหรือยัง , สวยมั้ย หรือ หน้าตาบ้านๆ คนเข้าไปบอกงั้นๆ)
• Fanpage (มีหรือยัง , ถ้ามี มีความเคลื่อนไหว มีการอัพเดทบ้างมั้ย)
• Boost Post (ใน Fanpage)
3. ต้องรู้เป้าหมายของคนอยากให้เห็น : [Target Group]
• เบื้องต้น (Ad Audience)
• เชิงลึก (Custom Audience & Lookalike Audience)
4. ต้องรู้งบประมาณโฆษณารายวัน : [Daily Budget]
• งบขั้นต่ำเท่าไหร่
B : ความรู้สำหรับช่วยในการลง Ads
1. รู้จักตัวจัดการ Ads : [Ads Manager]
• Create Ads / Manage Ads / Measure Results
2. รู้ตำแหน่งว่าจะ Ads ลงที่ไหนดี : [Ads Placements]
• Mobile News Feed / Desktop News Feed / Right Column / Instagram
3. รู้ว่าจะนำเสนอ Ads ในรูปแบบไหนดี : [Brand Awareness]
• Photo / Video / Carousel / Slideshow / Mix /
4. รู้จักการลง Ads ในสไตล์ต่างๆ : [Ad Formats]
• Lead Generation / Local Awareness / Offer Claims / Post Engagement
5. รู้จักการออกแบบ Ads ให้น่าสนใจ : [Ads Design]
• Ads Design (Text, Images, Videos) / Call to Action
6. รู้จักการปรับแต่ง Ads Target เชิงลึก : [Ads Target]
• Custom Audiences / Lookalike Audiences / Re-Targeting
7. รู้จักการติดตามผลของ Ads : [Optimization & Tracking Conversion]
• Audience Insights / Measure Results / Facebook Pixel
8. รู้จักลูกเล่นใหม่ของ Facebook Ads บนมือถือ : [Facebook Canvas]
• Facebook Canvas
**** ประตูที่ผมบอก คือ “ภาษาอังกฤษ” ในข้อ A+B ทั้งหมด
ที่คุณจำเป็นต้องไปค้นหา ไปศึกษา เรียนรู้เพิ่มเติมกันต่อเอง
อยากรู้เรื่องไหน ลองเอา คำเหล่านี้ ไป Search หาข้อมูลอ่านดูนะครับ
หัวใจพื้นฐานของ Facebook Advertising
ตามหลักการพื้นฐานของการที่จะลงโฆษณา Facebook Ads ให้ประสบความสำเร็จนั้น (ได้ผลตอบรับที่ดี) มันจะต้อง มีองค์ประกอบ 2 ส่วนด้วยกัน คือ
1. Creative Idea
ความคิดสร้างสรรค์ในการนำเสนอ Ad Display หรือเราจะเรียกว่าเป็น Ad Media ก็ได้ คือ ตัวที่เรา จะเอาไปใช้ในการโฆษณา เพื่อให้คนเห็น … ไม่ว่าจะเป็น รูปภาพ / วีดีโอ / ข้อความ คำบรรยาย (Caption)
เราจำเป็นต้องมีไอเดีย มีความสร้างสรรค์ ในการผลิต หรือ สร้างตัว Media นี้ขึ้นมา เพื่อนำมาเป็น Ad Display
เมื่อลง Ads ไปแล้ว พอผ่านสายตาคน
• เห็นรูปภาพนี้แล้ว (อัลบัมนี้แล้ว) อยากคลิกจัง น่าสนใจดี
• เห็นวีดีโอนี้แล้ว โหยยย…เลิศ ขอไปดูเพจ/ดูเว็บ ต่อหน่อย
• เห็นสไลด์โชว์นี้แล้ว สวยมากอ่ะ อยากรู้ราคา อยากได้ (กิเลสเกิด)
• เห็นข้อความ Caption นี้แล้ว … ขอคลิกดูรายละเอียดหน่อยเหอะ
ซึ่งสิ่งที่จะทำให้เกิด Creative Idea ที่ยอดเยี่ยมได้นั่น สำคัญอยู่ที่เราต้อง
– เข้าใจธุรกิจ (สินค้าหรือบริการ)
– เข้าใจลูกค้า
– เข้าใจธรรมชาติ (ของความเป็นคน)
Creative Idea ในการสร้าง Ads ขึ้นมา คือ หัวใจสำคัญ ในการสร้างแคมเปญโฆษณา บน Facebook Ads : รูป-ต้องโดน / Caption-ต้องได้ / วีดีโอ-ต้องเข้าถึง (โดนใจคน-ได้ใจคน-เข้าถึงคน)
2. Optimize Media
คือ ความรู้ทางเทคนิคในการลง Ads เพื่อให้เกิด Conversion ที่ดี ในการ Optimize Ads หรือ ปรับแต่งตัวแคมเปญโฆษณา พูดง่ายๆคือ พอได้ Media Ads ที่สร้างขึ้นมาแล้ว นำมาลงใน Facebook ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
สำหรับใน Facebook Ads ก็เป็นไปตามที่ กล่าวไว้ข้างต้นในข้อ B. ตั้งแต่พื้นฐาน Basic ยัน ขั้นสูง Advance ซึ่งผู้เชี่ยวชาญจำเป็นต้อง มีความรู้ความเข้าใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ “ลงมือปฎิบัติ” …. เช่นว่า
• สร้างแคมเปญ ลงโฆษณา Facebook Ads ยังไง
• ใช้รูปภาพขนาดไหน หรือ ใช้วีดีโอ มันมีข้อจำกัดอะไรมั้ย
• มีกฎระเบียบต่างๆ ข้อห้ามอะไรมั้ย ในการลง Ads
• อยากให้ Ads แสดงเน้นที่ดูบน Desktop หรือ Mobile
• เลือกใช้รูปแบบ Ads แบบไหนถึงจะดีสำหรับแคมเปญนี้
• เลือกกลุ่มเป้าหมาย ยังไง และ อะไรดี เพื่อให้ตรงกลุ่มมากที่สุด
• จะติดตามผลของโฆษณา ได้อย่างไร มีวิธีไหนบ้าง
• Facebook Ads มีลูกเล่นอะไรใหม่ๆมั้ย
เหล่านี้เป็นต้น สำหรับอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ เป็นคำถามพื้นฐาน สำหรับ คนจะลงโฆษณา Facebook Ads (ที่เข้าข่ายว่าอาจจะเป็น ผู้เชี่ยวชาญ) จำเป็นต้องตอบให้ได้ !!
++ คนไหนที่ตอบได้ เพราะอ่านมา (แบบตัวผม) นั่นก็ไม่นับว่า เชี่ยวชาญ
++ แต่ถ้าคนไหนตอบได้ เพราะทำมา ลงมาเยอะ เจอมาเยอะ (เจ็บมาเยอะ 555+)
++ นั่นถึงเรียกได้ว่าเป็น “ผู้เชี่ยวชาญ หรือ Specialist“
สรุปแบบง่ายๆ ให้เข้าใจการลงโฆษณา Facebook Ads
1. รู้แต่เทคนิคปรับแต่ง Ads แต่ไม่มี “ตัว Ads” ที่น่าสนใจ ก็ไร้ค่า
หากเรารู้เทคนิคในการลง Ads (Optimize Ads) ขั้นเทพ แต่ขาดซึ่ง Ad Display ที่สร้างสรรค์
- เราไม่มีรูปสวยๆ
- เราไม่มีข้อความคำบรรบายแบบเด็ดๆ
- หรือ ไม่มีวีดีโอที่น่าสนใจ
… มันก็ไร้ค่า ไร้ประโยชน์ เพราะต่อให้คนเห็นโฆษณา เป็นคนกลุ่มที่ตรงเป้าหมายที่สุด … แต่เค้าก็จะไม่สนใจ เพราะ โฆษณาที่ผ่านสายตาเค้า มันดูแล้วไม่น่าสนใจ มันไม่เกิดความดึงดูดใจ ให้อยากคลิก อยากเข้าไปดูรายละเอียด
2. มีตัว Ads ที่ดี แต่ไม่รู้เทคนิคปรับแต่ง หากลุ่มเป้าหมายที่ใช่ ก็ไร้ประโยชน์
หากเรามี Ad Display ที่สุดยอด โครตดึงดูดใจ แต่กลับ
- ไม่รู้เทคนิคในการลง Ads พื้นฐาน
- ไม่รู้วิธี Narrow Audience
- ไม่รู้วิธีเก็บข้อมูลสถิติ เพื่อนำมาปรับการลงโฆษณาไปเรื่อยๆ
… มันก็กลายเป็นเสียของ เป็น Media หรือ Display Ads ที่ตั้งใจสร้างสรรค์ขึ้นมา แม้จะตอบโจทย์ แต่ไร้ประโยชน์ เพราะ ดันไปลงโฆษณา ที่มันไม่ตรงกลุ่มเป้าหมาย !! (กลุ่มที่เราหวังไว้ว่าจะเป็นผู้ซื้อ หรือ มีแนวโน้มว่าจะสั่งซื้อ หรือมีแนวโน้มที่จะสนใจ ในสินค้า/บริการ ของเราจริงๆ)
3. Facebook Ads ที่ดีจึงต้องมีทั้ง ตัว Ads + เทคนิคปรับแต่ง
ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีทั้งสองอย่างนี้ควบคู่กัน คือ “Creative + Optimize” ในการสร้างแคมเปญโฆษณา บน Facebook ขึ้นมาสักแคมเปญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแคมเปญใหญ่ๆที่ใช้งบประมาณเยอะๆ
สำหรับบริษัทใหญ่ๆ (โดยเฉพาะดิจิตอลเอเจนซี่)
มักจะมีทีมงานหลายๆด้านทำงานร่วมกัน ไม่ว่าจะ ฝ่ายครีเอทีฟ ฝ่ายกราฟฟิค ฝ่ายวีดีโอ … คอยผลิต Media โดยนำข้อมูลมาจาก ฝ่ายการตลาด อีกที … เมื่อมี Creative Media แล้ว ก็จะส่งต่อ ไปให้ ฝ่ายเทคนิค ไปวิเคราะห์หา Target ร่วมกับ ฝ่ายการตลาด/ฝ่ายกลยุทธ์ เพื่อที่จะบีบเป้าหมาย (Narrow Audience) … จากนั้น ฝ่ายเทคนิคจึงลง Ads พร้อมบริหารจัดการ และติดตามผลลัพธ์ เพื่อนำมา วิเคราะห์ ปรับปรุงกันต่อไป
(หรืออะไรใกล้เคียงประมาณๆนั้นแหละ ตามที่ผมบ่นพึมพำพึมพำไป 555+ มั่วสุดๆ)
สำหรับพวกเราชาวบ้านๆ (คนธรรมดา)
งบ เราก็มีน้อย การศึกษา เราก็มีน้อย เพื่อนก็น้อย
ตัวคนเดียว ไม่มีทีมงาน ไม่มีใครช่วย (เหนื่อยจังชีวิต)
ก็ต้องอาศัย … ศึกษาเอง-ลงเอง-ทำเอง-มั่วเอง …
(พิมพ์ไป … น้ำตา ก็ไหลไป ฮือออๆๆ ดราม่าสุดๆ)
เราก็เอาแบบง่ายๆก็พอ ขอแค่ให้รู้หลักไว้ว่า
ก.) ตัวโฆษณา (รูปภาพ-วีดีโอ-ข้อความ) มันต้องมีความสร้างสรรค์
– คิดง่ายๆ สมมติตัวเองเป็น “คนเห็นโฆษณา” เรารู้สึกอย่างไร
– ทำรูปภาพมาแบบเนี้ย ถ้าตัวเองเห็น จะคลิกโฆษณามั้ย
– เขียนคำบรรยายใต้ภาพ (Caption) ประมาณเนี้ย ถ้าตัวเองอ่าน มันโดนใจมั้ย
ข.) วิเคราะห์หาเป้าหมายให้ตรงกลุ่ม
– คิดง่ายๆ จะขายใคร อยากให้ใครมาซื้อ
– คนกลุ่มไหนมีโอกาสสูงที่เห็นโฆษณาแล้ว จะสนใจสินค้า/บริการเรา
– แล้วคนกลุ่มนั้น เค้ามีพฤติกรรม ชอบอะไรบ้าง
– มีคนกลุ่มอื่นๆอีกมั้ยน่ะ ที่น่าจะสนใจสินค้า/บริการเรา
ค.) ลองทำดู ทดสอบดู
4. รัน Ads ไปแล้วต้องรู้จักปรับเปลี่ยน โดยวัดจากสถิติ
ต้องคอยทดสอบ ทดลอง หมั่นอัพเดท ปรับการลงโฆษณา (หากลุ่มเป้าหมาย) ไปเรื่อยๆ เพื่อให้เกิดความหลากหลาย ไม่ซ้ำซาก และนำมาเปรียบเทียบ (A/B Testing) ไม่ว่าจะ ทั้ง “ตัวของ Ads” และ “การปรับแต่งหากลุ่มเป้าหมาย”
• รูปภาพอันไหน ใช้ขึ้น Ads แล้ว คนกด Like เยอะ
• ระหว่างลงรูปเดี่ยวหรือลงรูปอัลบัมหรือสไลด์ ตัวไหนลงแล้ว คนคอมเม้นเยอะ
• เขียนข้อความแบบไหน รู้สึก ยอดคลิก เยอะ
• ลง Ads ตั้งค่าแบบไหน Feedback ยอดสอบถาม ยอดสั่งซื้อ มากกว่า
เราเอาสถิติเหล่านี้มา เพื่อช่วยในการปรับกลยุทธ์ให้แคมเปญโฆษณานั้นๆ เกิดประสิทธิภาพ และให้เกิดผลประโยชน์สูงสุด คุ้มค่าที่สุด กับจำนวนเงินที่เสียไป
ขอบ่นเพิ่มเติม (อีกนิด)
การลงโฆษณาบนเฟส จริงๆแล้วมันเปรียบได้กับ “ป้ายบอกทาง” ความต้องการหรือวัตถุประสงค์จริงๆของมัน ก็เพื่อให้คนเห็น เกิดความสนใจ “อยากเดินไปตามทางที่ป้ายบอก” ไม่ว่า ป้ายบอกทางนั้น จะตกแต่งสวยงามแค่ไหน (Creative Ads) หรือ เอาไปตั้งวางไว้จุดไหน (Optimize Ads)
คือ พอคนเห็นโฆษณาแล้ว เราก็หวัง ให้เค้า คลิก หรือ ติดต่อเราเข้ามา ไม่ว่าจะสอบถามราคา หรือ ดีที่สุดคือ สั่งซื้อ (จ่ายเงินให้เรา) ซึ่งเมื่อหากกรณี มีคนที่เห็นโฆษณาติดต่อเรามาจริงๆ มาสอบถามราคา สอบถามบริการ เราก็จำเป็นต้องมี คนตอบคำถามเหล่านั้น … นั่นหมายความว่า “จำเป็นต้องมีคนดูแลเพจ”
Facebook Advertising มักจะต้องทำควบคู่หรือสัมพันธ์กับ Facebook Page Management
เพราะฉะนั้น Facebook Ad Specialist จึงมักที่จะต้องทำงานร่วมกับ Admin Page นั่นเอง …
(ถ้าไม่ทำงานประสาน ร่วมมือกัน ก็มักจะต้องเป็นคนคนเดียวกัน)
ดังนั้น หากใครคิดที่จะ หางานในตำแหน่ง Facebook Ad Specialists …
หากคุณมีพื้นฐานเป็น Admin Page (มีเพจเป็นของตัวเอง) ก็ย่อมได้เปรียบมากกว่า
บทสรุป
การโปรโมททาง Facebook ถือเป็นการลงทุนประเภทหนึ่งในการทำธุรกิจ มันคือ การใช้เงินของเรา ไปหาเงินต่อจากคนอื่น (ที่เห็นโฆษณา) นั่นเอง ดังนั้น ถ้าเราไม่เข้าใจถึงแก่นของมัน และไม่พยายามศึกษาทำความเข้าใจในการลงโฆษณา
… ความคุ้มค่าของการ “ใช้เงินลงทุน” ก็อาจจะไม่มี
กลายเป็น การลงทุนที่สูญเปล่า (เสียเงินฟรี) …
… หากแต่ฉลาดรู้ในการลงโฆษณา เราจะได้รับ
ผลตอบรับ ที่ดีเกินเป้าหมายที่หวังไว้ อย่างแน่นอน !!!
ไม่สำคัญว่า คุณจะรู้อะไรมาบ้าง ไม่สำคัญว่าคุณจะเก่ง หรือ มีชื่อเสียงโด่งดังแค่ไหน สำหรับ Facebook Ads สำคัญว่า คุณลงโฆษณาไปแล้ว มันสามารถ สร้างยอดขาย สร้างเงิน สร้างรายได้เพิ่มให้กับตัวเอง (หรือลูกค้า) ได้ดีแค่ไหน คุ้มค่ากับงบประมาณที่ได้ลงไปมั้ย … นี่ต่างหาก ที่ผมคิดว่า มันเป็นตัววัดผลที่แท้จริง ว่าคุณเป็น “ผู้เชี่ยวชาญด้าน Facebook Ads” จริงหรือเปล่า ?
————————————————-
สำหรับผม มองคำว่า “ผู้เชี่ยวชาญ” มันน่าจะเป็นคำ ที่ถูกเรียกโดย “บุคคลอื่น” มากกว่า
ถ้าใครเรียกตัวเองว่า “ผู้เชี่ยวชาญ” ผมไม่แน่ใจนัก เพราะคนๆนั้นอาจจะคิดไปเองก็ได้
————————————————-
พ่อค้า แม่ค้า นักเรียน นักศึกษา … ใครต่อใครมันก็เป็นผู้เชี่ยวชาญได้
ถ้าสามารถลง Facebook Ads แล้ว ทำยอดขายเพิ่ม ทำกำไรเพิ่ม
คำถามคือ “วันนี้คุณสร้างกำไรจาก Facebook Ads ได้แล้วหรือยัง?”
ถ้ายังลอง เริ่มต้นศึกษาเพิ่มเติมกันดูนะครับ … อาจจะค่อยๆเริ่มจาก
1. วิธีการสร้างโฆษณา Facebook Ads สำหรับมือใหม่
(สำหรับให้เข้าใจเบื้องต้น)
► https://www.sochiie.com/easy-facebook-ads-for-newbie-line-creator/
2. คู่มือการลงโฆษณา Facebook Ads Guide [แนะนำมากที่สุด]
(จำเป็นต้องอ่าน และศึกษา หากคิดจะลงโฆษณา Facebook Ads ให้เชี่ยวชาญ)
(จะมีคำอธิบาย รวมถึง คำแนะนำต่างๆ เป็นส่วนๆ พร้อมลิงค์ให้เปิดอ่าน)
► https://www.facebook.com/business/ads-guide/
3. คอร์สเรียนออนไลน์ฟรีเกี่ยวกับ Facebook Ads [แนะนำมาก]
(เป็นของ Facebook ทำขึ้นมาเองเพื่อให้ความรู้ แก่ผู้ใช้งาน)
(สอนเป็นภาษาอังกฤษ ตั้งแต่พื้นฐาน ยันขั้นสูง คล้ายๆอ่านหนังสือ)
(มีให้ทดสอบด้วย และมีสอบ แบบเสียเงินเอาใบ Certificate ด้วย)
► https://www.facebook.com/blueprint
4. หาเรียนรู้เพิ่มเติมใน Google ต่อกันเองในเรื่องที่อยากรู้ ^_^ [แนะนำนะ]
ไม่ว่าจะ Website / Blog มีแนะนำมากมาย รวมถึงหมั่นติดตามข่าวสารต่างๆ
5. หรือไปลงเรียนคอร์สสอนด้าน Facebook Ads กับบรรดากูรู
อันนี้ก็ดีครับ เหมาะสำหรับมือใหม่ หรือผู้มีทุนทรัพย์ ที่ต้องการเรียนรู้แบบเร็วๆ
แต่โดยปกติแล้ว โดยเฉพาะพวกมืออาชีพ เค้าล้วนศึกษาเรียนรู้ด้วยตัวเองมาก่อน และนำมาปฎิบัติทดลองทำ ก่อนจะนำประสบการณ์ความรู้ มาถ่ายทอดให้คุณ ดังนั้น ต่อให้คุณไปเรียนในคอร์สอบรมสัมมนาต่างๆ ก็ยังต้องมาศึกษาเพิ่มเติม มาทดลองทดสอบลง Ads เองอยู่ดี
เพราะไม่มี กูรู หรือ อาจารย์ที่สอนในคอร์สอบรมสัมมนาต่างๆ จะมานั่งลง Ads หรือมาคิดไอเดีย มาทำรูปภาพ มาทำวีดีโอ ให้คุณหรอกครับ เค้าแค่สอนพื้นฐาน สอน Concept และอาจจะเล่าประสบการณ์ ที่เค้าเคยลง Facebook Ads มามากมายก่อนแล้ว แชร์ให้คุณได้ไอเดีย นำไปต่อยอดปรับใช้กับธุรกิจของตัวเอง
- ถ้า มีเงิน + ไม่มีเวลา จริงๆ ผมแนะนำว่า
ไปจ้างบริษัทเอเจนซี่ ช่วยมาดูแลจัดการด้านโฆษณาให้ดีกว่า - ถ้า มีเงินน้อย + มีเวลาน้อย อันนี้ผมแนะนำว่า
ให้ไปเข้าคอร์สอบรม สัมมนา เอาความรู้แบบ Shortcut มาศึกษาเพิ่มเอง - ถ้า ไม่มีเงิน + มีเวลา อันนี้ผมแนะนำว่า
คุณต้องศึกษาด้วยตัวเองแล้ว (แบบผม)
“Learning by Doing” (เรียนรู้จากการลงมือปฎิบัติ) น่าจะเป็นคำคมที่ดีที่สุด หากพูดถึง Facebook Ads และการเป็น Facebook Ads Specialist
JoJho
คนทำเว็บนอกคอก
————————————————
Facebook Blueprint Certification
แนะนำเพิ่มเติมสำหรับ Facebook Blueprint Cetification นะครับ เป็น บททดสอบ ของเหล่า “Facebook Advertiser” ทั้งหลาย … เชี่ยวชาญจริงหรือไม่ … ถึงเวลา “สอบวัดผล” โดยตรงจากทางทีมงานของ Facebook เอง
มี 2 Certification ที่ทาง Facebook เปิดให้สอบ คือ
1. Planning Professional (มาแล้ว)
2. Buying Professional (มาเดือนตุลา 2016)
• ค่าสมัครสอบ $150 ต่อครั้ง
• ข้อสอบเป็นภาษาอังกฤษ
• เป็นการสอบแบบออนไลน์
• แต่มีคนคุมสอบ (ที่เค้าจะดูเราผ่านเว็บแคม)
• คอมเราต้องมีกล้องด้วย (ต้องถ่ายรูป โชว์บัตร)
• ข้อสอบ 50-60 ข้อ
• ให้เวลาสอบ 1 ชั่วโมง 15 นาที
• คะแนนเต็ม 1000
• ต้องได้ 700+ ถึงจะสอบผ่าน
• สอบไม่ผ่าน สอบใหม่ได้ แต่ต้องรอ 30 วัน
• สอบผ่านรับใบประกาศนียบัตร (เท่ห์สุดๆ)
• อายุ Certification นาน 1 ปี
ดูคลิปแนะนำสำหรับการเข้าสู่การสอบ
ใครคิดว่าพร้อม จัดเลย
Facebook Ad Certification ► https://www.facebook.com/blueprint/certification
ใครผ่านการทดสอบนี้ รับรองว่า หากเอาไปสมัครงาน
ตำแหน่ง Online Advertising Specialist (Facebook Ads)
รับรองว่า …. โอกาสได้งานสูงมากกกกกกกก !!
———————————————————