ไอเดียการทำ Teespring ขายเสื้อออนไลน์

7

บทความนี้ ผมเขียนขึ้นมาเพื่อต้องการแชร์ประสบการณ์ตรง และให้แนวคิด ไอเดีย ในการขายเสื้อออนไลน์กับ Teespring ผมขอนำเสนอแนวคิดที่สำคัญ พร้อมกับจะยกตัวอย่างให้ดูเพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นนะครับ

Teespring คืออะไร

Teespring เป็นบริษัทผลิตและจำหน่ายเสื้อออนไลน์ ของต่างชาติ โดยบริษัทจะมีเว็บไซต์ ที่เปิดให้คนเข้าไปออกแบบ ในรูปแบบการสร้างเป็นแคมเปญ แล้วให้เจ้าของแคมเปญไปหาทางโปรโมทเสื้อที่ตัวเองออกแบบเอง

เว็บไซต์หลักของ Teespring ► teespring.com

หน้าที่ของเราคือแค่ ออกแบบ + โปรโมท เท่านั้น

หน้าที่ของ Teespring คือ การผลิต + การจัดส่ง + การชำระเงิน (มันจะจัดการให้หมด)

สิ่งที่เราได้คือ เงินราคาค่าส่วนต่าง จากเสื้อที่เราขายได้

เช่น ถ้าสมมติ เราตั้งราคาขายไว้ $20 แต่ทุนมัน $10 (ตอนสร้าง Teespring จะบอกทุนให้)

บริษัทเก็บ $10 และแบ่งให้เรา $10 ต่อ 1 ตัวที่ขายได้

(สมมติ ขายได้ 1000 ตัว หมายถึง บริษัทได้ $10000 และเราได้ $10000)

รายละเอียดเพิ่มเติม อ่านได้ที่เว็บหลักของทีสปริง ► What is Teespring & How it work ?

สมัครสมาชิก Teespring ► teespring.com/signup

ตกลงกันก่อน

ก่อนจะอ่านผมอยากให้คุณเข้าใจกันก่อนว่า การทำ Teespring ของผมเกิดจากการอยากลอง ไม่ได้หวังจะเอาจริงเอาจัง หรือหวังหารายได้เป็นกอบเป็นกำ (อารมณ์เหมือนที่อยากลองทำ Amazon Affilate เมื่อ 2 ปีก่อน ด้วยอยากรู้แค่ว่ามันได้เงินจริงหรือ) ดังนั้น ขอให้เข้าใจกันก่อน ดังนี้

1. ผมยังขายไม่ได้เลยสักตัวเดียว และยังไม่ได้เงินจาก Teespring เลย
2. ผมใช้เวลาศึกษา Teespring ด้วยตัวเองอยู่นาน 2 วัน จากอินเตอร์เนต
3. ผมไม่เคยเข้าคอร์สหรือซื้อ E-Book หรือ ดูวีดีโอ ที่มีผู้ประสบความสำเร็จบางท่านสอนอยู่
4. ผมสร้าง Teespring เอาไว้ 2 แคมเปญ
5. ผมเสียเงินลงทุนไป 1,165 บาท เพื่อทำการทดสอบ
6. ผมเลิกทำไปแล้ว

นั่นหมายถึงว่า ผมเป็น “มือใหม่” นั่นเอง ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ และไม่ใช่ผู้ประสบความสำเร็จ กับ Teespring ดังนั้น บทความที่จะนำเสนอต่อไปนี้ เป็นเพียง ความรู้จาก คนคนหนึ่งที่ศึกษา Teespring ด้วยตัวเอง เป็นเวลา 2 วัน สร้าง 2 แคมเปญ เสียตัง 1 พันบาท และได้เลิกทำไปแล้ว ที่สำคัญคือ ยังขายไม่ได้เลย!!

(ยังอยากจะไปต่อกันมั้ยครับ ? 555+ เอาเป็นว่าจากคนเคยทำ แนะนำคนยังไม่เคยทำละกันเนอะ)

ดังนั้น หากมีอะไรผิดพลาด ผมต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย

(อย่าคาดหวังอะไรมากนะครับ เอาว่าขอมาเม้าท์มอยแบบมีสาระนะ ^_^)

แนวทางการทำ Teespring

สิ่งสำคัญในการทำ Teespring ผมแบ่งของผมเองได้ 3 ขั้นตอน คือ

1. กำหนดกลุ่มเป้าหมายผู้ซื้อ
2. ออกแบบให้โดนใจกลุ่มเป้าหมาย
3. โปรโมทแคมเปญให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย

ขั้นตอนที่ 1 : กำหนดกลุ่มเป้าหมายผู้ซื้อ

หลังจากผมศึกษาระบบและพยายามทำความเข้าใจกับมัน ผมพบว่าหลักการของมันง่ายๆไม่ซับซ้อนอะไรนัก …

โจทย์ของมันคือ “จงสร้างเสื้อที่คนเห็นแล้วต้องการจะซื้อ” พอโจทย์มาแบบนี้ คำถามคือ “ใครที่เป็นผู้ซื้อ ?

ถ้าเราออกแบบโดยไม่เจาะจงกลุ่มเป้าหมาย โอกาสจะขายได้หรือคนถูกใจจะน้อยกว่า หรือ จำเป็นต้องใช้เงินในการโปรโมทสูงกว่า ดังนั้นผมเลยพยายามบีบ Target ของผมลงมา

ส่วนตัวแล้วการออกแบบเสื้อ Teespring มันค่อนข้างอิสระมาก คุณจะเน้น Graphic หรือ Text ยังไงก็ได้ แต่ผมเองไม่มีความรู้ด้าน Graphic Design ผมจึงเลือกที่จะเน้นแบบของเสื้อ ที่ใช้ TEXT หรือที่เรียกว่า “Quote” T-Shirt (เสื้อยืดคำคม) ซึ่งบังเอิญว่า ผมได้รับทำเว็บให้กับลูกค้ารายหนึ่งที่เป็นคนชอบถ่ายรูป และผมคิดสโลแกนให้กับเว็บของเค้าว่า

“When words become unclear, speak with photographs”

ผมเลยคิดว่าจะนำคำนี้มาทำเป็นเสื้อดู  … พอได้คำคมมาแล้ว ผมก็มานั่งคิดว่า ถ้าแบบนี้ คนซื้อของเราต้องเป็น ช่างถ่ายรูป หรือ คนที่ชอบถ่ายรูป หรือ คนเล่นกล้อง คนรักการถ่ายภาพ ประเภทมืออาชีพยิ่งดี น่าจะชอบเสื้อที่มีวลีนี้

2. ออกแบบให้โดนใจกลุ่มเป้าหมาย

เมื่อผมได้ Target Group มาแล้วคือ ช่างถ่ายรูปมืออาชีพ ผมก็ไปออกแบบเลย ลายแรกสุด (งก ทำเองประหยัดตัง) ตอนแรกผมมองว่าผมออกแบบสวยดี แต่เวลาผ่านไปพึ่งรู้สึกตัว และยอมรับว่า หลอกตัวเอง 555+ …

แคมเปญแรกhttp://teespring.com/pro-photographer-hoodies

พอออกแบบเสร็จ ผมลองให้เพื่อนผมดู เพื่อเพิ่มความมั่นใจ และขอกำลังใจ

JoJho : เฮ้ยมึงช่วยวิจารณ์เสื้อให้กูหน่อยดิ ออกแบบกะขายออนไลน์ กูออกแบบด้วยตัวเองเลยนะ

เพื่อนบังเกิดเกล้า : ข้างหลังแปลว่าอะไร ?

JoJho : ไอ้ควาย มันแปลว่า “ถ้าพูดแล้วไม่ชัดเจน จงอธิบายด้วยภาพถ่าย”

JoJho : ประมาณว่า “พูดอาจจะนึกไม่ออก ดูภาพเลยละกัน”

เพื่อนบังเกิดเกล้า : แล้วไอ้กลมๆตรงกลางนั่นอะไร ที่ใส่ก้อนพลังงาน แบบ IRONMAN หรอ

JoJho : =.= เลนส์โว้ย เลนส์กล้องอะ รู้จักมั้ย ใช้แต่มือถือถ่ายอะดิ นี่มันกล้องแบบมืออาชีพเค้าใช้กัน มันจะมีเลนส์

เพื่อนบังเกิดเกล้า : แล้วข้างหน้า PRO ไร ?

JoJho : กูกะขายพวก ช่างภาพ นักถ่ายรูปมืออาชีพไง PRO = professional มืออาชีพ

เพื่อนบังเกิดเกล้า : PRO พ่องงงง

เพื่อนบังเกิดเกล้า : ออกแบบ อ่อนหัด ชิบ!

JoJho : ……………….

ด้วยกำลังใจจากเพื่อนบังเกิดเกล้า ที่ให้กับผมมาอย่างจริงใจ ผมก็ลองไปตั้งขายดู แต่ก็ไม่มีคนสนใจ มันเริ่มท้อแท้ แต่ยังให้กำลังใจตัวเองว่า สงสัยเพราะ เราดีไซน์ไม่สวย (เมึงพึ่งรู้ตัว ?) ผมอยากขอลองอีกสักครั้ง เลยสร้างอีกแคมเปญ แต่คราวนี้ ผมไปลองจ้างคนออกแบบมืออาชีพ โดยไปลองที่ Fiverr.com เสียเงินไป $5 พอเห็นเค้าออกแบบแล้ว ผมก็มีกำลังใจขึ้นเยอะ เพราะว่ามันสวยดี !!

my-teespringแบบเสื้อแคมเปญที่สอง (จ้างมืออาชีพออกแบบ)

มารอบสองนี้ ผมเบนเข็มใหม่ กะว่าสงสัยพวกมืออาชีพไม่ค่อยใส่เสื้อยืด (แม่งคิดเองเออเองสรุปเองหมด) จากแบบที่มืออาชีพส่งมาให้ เลยหันไปโฟกัสกะขายพวก นักศึกษาหรือคนทั่วไปที่รักการถ่ายภาพ …

*ตรง Campaign Description ดูตัวอย่างจากของผมได้นะ เพราะผมดูแคมเปญที่ยอดขายดีๆ แล้วเอามาปรับใช้

3. โปรโมทแคมเปญให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย

เมื่อเราได้แบบของลายเสื้อเรียบร้อย และสร้างแคมเปญเสร็จเรียบร้อย คำถามสำคัญต่อมาคือ

แล้วคนเห็นได้อย่างไร ?” คำตอบก็คือ ต้องโปรโมท …

เปรียบเสมือนการทำเว็บ ขั้นตอนสำคัญ หลังจากทำเว็บเสร็จ ก็คือการโปรโมท หรือหา Traffic ทำให้คนเข้าเว็บ ในการหา Traffic มีอยู่ด้วยกันหลายทาง แต่ผมมองว่า ทางที่เหมาะกับการทำ Teespring คือ Social Media Traffic

เพราะการสร้างแคมเปญ มันเหมือนเราไป โพสบทความ บทความหนึ่งในเว็บของ Teespring ซึ่งไม่ใช่เว็บของเรา และเราก็ปรับแต่งอะไรมากไม่ได้ด้วย ดังนั้น SEO Traffic ตัดทิ้งไปได้เลย (แต่จริงๆทำได้นะ สำหรับผู้ที่ Tribe เป็นของตัวเอง)

(ถ้าใครยังไม่รู้ว่า Tribe คืออะไร อ่านบทความ ► สร้าง Tribe แบบฉบับคนทำเว็บนอกคอก)

ดังนั้น สรุปการโปรโมทของ Teespring ก็คือการโปรโมท Link ให้คนเข้าไปที่หน้าเพจที่เราสร้างแคมเปญไว้นั้นเอง (เหมือนกับพวกทำ Affilate Program ต่างๆ แต่ไม่ได้แนะนำสินค้าคนอื่น … แนะนำสินค้าตัวเอง)

ทำไมต้อง Facebook ?

Social Media Traffic ก็คือ การหา Traffic จาก Facebook Page / Pinterest / Instagram / Youtube / Google+ / Twitter ในกรณีนี้ ผมแนะนำว่า “ฐาน” ที่เราควรใช้คือ Facebook Page สาเหตุเพราะ มี Facebook Ads ให้เราโฆษณาได้ (ส่วนช่องทางอื่นๆ มักจะไว้โพสเพื่อให้คนรู้จัก หรือคนในกลุ่มเห็น)

โดยผมแยกการโปรโมท Link ไว้ 2 อย่าง คือ
1. โปรโมทแบบเสียเงิน
2. โปรโมทแบบไม่เสียเงิน

ยกตัวอย่าง จาก แคมเปญที่ผมสร้างมา 2 แคมเปญ ผมจะเอาไปโพสใน Facebook ของเว็บไซต์ที่ผมทำให้ลูกค้า เป็นเว็บเกี่ยวกับ Portfolio รวมรูปภาพ ►panaphotography.com (ตอนแรกผมกะว่าจะสร้างเพจใหม่ แต่เห็นว่าเพจนี้ มันเกี่ยวข้องกับลายเสื้อที่ออกแบบ ซึ่่งผมสร้างให้ลูกค้าไว้ ผมเลยไปขอฝากโพสด้วยเลย เพื่อลูกค้าผมสนใจจะซื้อด้วย 555+ คิดแค่นี้ … สุดท้ายก็ไม่ได้ซื้อ บอก ไม่สวย!! (ลายแรก) ตอกย้ำกันสุดๆๆๆ ฮือๆๆ)

การโปรโมท Teespring แบบเสียเงิน

พอได้ฐานแล้ว ซึ่งก็คือ มี Facebook Page ผมก็โพสแล้วไปลงโฆษณากับ Facebook แน่นอนว่า หากคุณมีพื้นฐาน Social Media Optimization มาบ้าง มันก็ไม่ได้อยากเย็นนัก สำหรับผู้ที่ยังไม่รู้หรือยังไม่มีประสบการณ์กับการลงโฆษณาบน Facebook ผมแนะนำให้คุณศึกษาเพิ่มเติมโดยโฟกัสเกี่ยวกับ Facebook Ads เพราะมันจำเป็นในการทำธุรกิจ Teespring (หรือธุรกิจขายเสื้อออนไลน์ของเจ้าอื่นๆ) ซึ่งแนวคิดสำคัญในการลงโฆษณากับ Facebook คือ

การปรับตั้งค่ายังไง ให้เฉพาะเพียงกลุ่มเป้าหมายของคุณเห็นโฆษณา
เราจำเป็นต้องให้คนที่เห็นโฆษณานั้นเป็นกลุ่มคนที่เราต้องการจริงๆ
คนที่มีโอกาส มีแนวโน้มที่จะสั่งซื้อ … ไม่ใช่โฆษณาเพื่อให้ทุกคนเห็น

ยกตัวอย่างเพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น

แคมเปญแรก – ผมตั้งเป้าหมายเอาไว้คือ “ช่างภาพมืออาชีพ” ผมก็ไปตั้งค่าใน FB Ads ดังนี้
Location: United States
Interests: Hoodie, Wildlife photography, Photograph, Digital camera, Cameras, Landscape photography, Street photography, Photography, Travel or Photographer
Job title: Chief Executive Officer, Photographer, Photographic Assistant, Traveller, Professional Photographer/Owner, Retired, Student or Digital Photorapher
Language: English (US)
Age: 20 – 65+

เสียเงินค่าโฆษณไป 500 บาท ผลคือ 4,036 people reached 72 Likes 17 Share
แต่ไม่มีคนซื้อ มีแค่ยุกันให้ซื้อ แต่ไม่มีคนซื้อจริงๆ (เซ็งเป็ด!!)

แคมเปญสอง – ผมเปลี่ยนเป้าหมายใหม่ เน้น “นักศึกษาที่กำลังเรียนและคนที่พึ่งจบ สาขาถ่ายภาพ
(วัยรุ่นหน่อย น่าจะชอบใส่เสื้อยืดนะ จ้างมืออาชีพออกแบบเลยนะ แอบหวังสูง) ผมก็ไปตั้งค่าใน FB Ads ดังนี้
Location: Canada/United States
Interests: Digital photography, Nature photography, Wildlife photography, Photograph, Digital camera, Cameras, Photography or Photographer
Field of study: Photojournalism, Photography or Fine Art Photography
Age: 18 – 30
Language: English (US)

เสียเงินค่าโฆษณาไป 500 บาท ผลคือ 3,624 people reached 104 Likes 17 Share
แต่ไม่มีคนซื้ออยู่ดี ไม่มีคนซื้อจริงๆ (เซ็งเป็ดคูณสอง !!)

แคมเปญแรกผมเซทเป้าหมายไว้ที่  ช่างภาพมืออาชีพ มันขายไม่ได้ ผมเลยกะว่า เสื้อยืด น่าจะวัยรุ่นชอบและอาจจะมีแนวโน้มที่จะซื้อมากกว่า (หมายถึงในกรณี คำคมที่ผมใช้นะครับ) ผมเลยปรับแคมเปญที่สอง โดยเจาะกลุ่ม Field of study แทน Job Title กะเน้นพวก นักศึกษามหาลัย สาขาถ่ายภาพ … มันเหมือนจะดูดีนะ ดูฉลาดขึ้น ดูโตขึ้น … แต่จริงๆแล้วผลลัพธ์มันพอๆกัน คือ แม่งก็ขายไม่ได้อยู่ดี 555555+

การโปรโมท Teespring แบบไม่ต้องเสียเงิน

ในการโปรโมทแบบนี้ จากตัวอย่างของผม ผมเลือกเข้าไปดูใน Facebook Group หรือ หา Facebook Page ที่เกี่ยวกับ “การถ่ายภาพ” โดยจะคัดเลือกที่ที่เหมาะจะโพส และดูถึงความเหมาะสมเป็นหลักใหญ่ … ถ้ากลุ่มไหน ยินยอมให้โพสแนะนำสินค้าได้ ผมถึงจะโพส แต่บางกลุ่มหรือบางเพจ ที่ผมคิดว่าหากโพสแล้วจะดูน่าเกลียด ผมก็จะไม่ทำ  (เด้วโดนฝรั่งเกลียด) ซึ่งเรียนตามตรงว่า สุดท้ายแล้วผมก็ไม่ได้ไปโพสสักแห่ง แค่เพียงโพสแชร์ลงเป็นเฟสบุ๊คส่วนตัวของลุกค้าเท่านั้น (ลูกค้า เป็นคนชอบถ่ายภาพและมี Connection กับช่างภาพมืออาชีพหลายคน)

แต่สรุปสุดท้ายแล้ว ก็คือ “ขายไม่ได้

อีกวิธีการหนึ่งคือคุณมี Tribe หรือมีเว็บไซต์ที่เป็น Authority Site แล้วมี Facebook Page เป็นของตัวเอง หรือคุณมี Community ที่ใหญ่หน่อย  ตัวคุณเป็น Leader คุณมี Follower … ในกรณีนี้ คุณสามารถออกแบบเสื้อขึ้นมาจำหน่ายให้กับคนใน Tribe คนในชุมชุน หรือผู้ที่ติดตามคุณอยู่ ก็ได้

ยกตัวอย่างเช่น สมมติคุณทำเว็บเกี่ยวกับ สอนแต่งหน้า มีบล็อก มีเฟสเพจ มีคนติดตามคุณอยู่จำนวนหนึ่ง … คุณสามารถไปออกแบบเสื้อใน Teespring โดยอาจจะออกแบบให้แนว ChicChic หน่อย แล้วนำมาโปรโมทใน FacebookPage ของคุณเองได้ หรือ ทำเป็นเสื้อทีม เสื้อแฟนคลับ ให้กับชุมชนคอมมูนิตี้ของคุณ ซึ่งการโปรโมทแบบนี้ คุณก็จะไม่จำเป็นต้องเสียเงิน

บทวิเคราะห์ ทำไมขายไม่ได้ ?

1. เงินโฆษณาที่ผมลงทุนน้อยเกินไป
2. การออกแบบ ลวดลาย สีสัน คำพูด อาจจะดี แต่ยังไม่โดนใจ
3. สร้างแคมเปญน้อยเกินไป และแบบน้อยเกิน (มีแบบเดียว)
4. ไม่จริงจัง ไม่มุ่งมัน ไม่สานต่อ (เพราะตั้งใจลองทำเล่นๆเพื่อศึกษาดูระบบ)

ส่วนตัวแล้วผมคิดว่าการทำธุรกิจขายเสื้อออนไลน์มันไม่เหมาะกับผม เพราะผมเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบอะไรที่เสี่ยง และที่สำคัญคือ มีทุนน้อย !! แต่สำหรับคนที่อยากลอง ตั้งใจ และพอมีเงินในการลงทุน ธุรกิจขายเสื้อออนไลน์กับบริษัทต่างชาตินี้ มันอาจจะทำให้คุณ “รวยโดยไม่รู้ตัว” เพราะมีคนทำมาแล้ว มีตัวอย่างผู้ที่ประสบความสำเร็จมาแล้ว ไม่แน่ว่า คุณอาจจะเป็นคนหนึ่งที่ทำยอดเงินสร้างรายได้ให้กับตัวเอง เป็นจำนวนตัวเลขถึง 6 หลัก – 7 หลัก (เป็นแสนเป็นล้าน) ภายในระยะเวลาไม่กี่เดือน ก็อาจจะเป็นได้

บทสรุปการทำ Teespring

การทำ ธุรกิจขายเสื้อออนไลน์ เช่น Teespring, SunFrog นั้น ในเบื้องต้น จำเป็นต้องมี

+ ทุนเพื่อใช้ในการโปรโมท +

+ ความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบ +

+ ความรู้ในด้าน Social Media Optimization (เน้น Facebook)  +

+ การวิเคราะห์ตลาดหากลุ่มเป้าหมาย +

ขั้นตอนการทำมันดูเหมือนจะทำได้ง่ายๆ แต่ในความเป็นจริงแล้ว จะทำให้ประสบความสำเร็จนั้น ไม่ได้ง่ายๆเลย อย่างไรก็ดี ผมหวังว่า ประสบการณ์และแนวทางที่ผมใช้ ในการทำ Teespring ที่ผ่านมา … แม้จะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ก็น่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่กำลังคิดจะเริ่มต้นในการทำธุรกิจนี้ หรือผู้ที่เริ่มต้นแล้วแต่ยังไม่มีแนวทางที่ชัดเจน

บทส่งท้าย

สำหรับคนไทยที่ประสบความสำเร็จกับธุรกิจขายเสื้อออนไลน์ มีมากมายหลายท่าน แต่ท่านที่มีคอร์สหรือสัมมนาเปิดสอน ที่ผมรู้ ตอนนี้ มี 2 ท่านคือ คุณเก่ง พีระพล และ คุณโอ Azzy DG (Ampika Ongwandee) (จริงๆน่าจะมีอีกหลายท่านนะ แต่ที่มีชื่อเสียงๆหน่อย เท่าที่ผมรู้คือ 2 ท่านนี้) ผมไม่เคยไปเข้าคอร์สของทั้งสองท่านนี้นะครับ อีกทั้งไม่รู้จักทั้งสองท่านนี้เป็นการส่วนตัว (และทั้งสองก็ไม่รู้จักผมเช่นกัน)

โดยเฉพาะ คุณโอ Azzy DG ในวงการขายเสื้อออนไลน์ของไทยยกให้เธอเป็น “เจ้าแม่” ล่าสุดทำยอดเยอะจนบริษัทแม่เชิญตัวไป กลายเป็นคนไทย ที่ทำธุรกิจนี้แล้วประสบความสำเร็จจนมีชื่อเสียงติด Hall of Fame (ระดับโลก) ในวงการนี้ … (ผมแอบติดตามอยู่อย่างเงียบๆ 555+)

ส่วนตัวผมรู้จักกับ Teespring ก็เพราะไปแอบส่องเฟส คุณโอ Azzy DG นั่นเอง เห็นในคอมเม้นท์คุยๆกันไม่รู้เรื่องอะไร Teespring ชื่อแปลกดี ผมเลยไปค้นคว้า และทำความเข้าใจ และรู้สึกน่าสนใจ จึงลองทำด้วยตัวเองเพื่อหาประสบการณ์ ผมลองมั่วนิ่มเอง ยังไม่เคย Message ไปขอคำปรึกษาจากคุณโอ … (เคยกะ Inbox ไปถามเหมือนกัน แต่เกรงใจ 555+)

บทความนี้เป็นแนวทางคร่าวๆ จากประสบการณ์ส่วนตัว ที่คิดเองเออเอง มั่วเอง ดังนั้น ผมแนะนำว่า หากคุณต้องการ จะได้ความรู้ และเทคนิคในขั้นสูงๆ ควรไปลองเข้าคอร์สหรือสัมมนาดูครับ เรื่องนี้ผมตอบไม่ได้ ว่าดีหรือเปล่าเพราะยังไม่เคยไป ยังไงต้องลองไปหาคำตอบกันเองนะครับ หรือสอบถามจากผู้ที่เคยไปเข้าร่วมอบรมมาแล้ว แต่ผมเชื่อว่า การเรียนรู้จากผู้ที่ประสบความสำเร็จในสายงานนั้นๆ ย่อมดีกว่าแค่อ่านบทความนี้ แน่นอน!!

แต่ถ้าไม่มีทุน ก็ศึกษาเรียนรู้เอง มั่วนิ่มแบบผม กันต่อไปละกันนะ ^_^ ขอให้โชคดีทุกท่านครับ

JoJho
คนทำเว็บนอกคอก

หากคุณชอบหรือเห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์ โปรดขอบคุณและให้กำลังใจด้วยการ ► กด Like เพจคนทำเว็บนอกคอก

“ถ้าตอนนั้นผมโชว์ข้างหน้าอย่างเดียว มันจะช่วยให้ขายได้มั้ยนะ อาจจะได้เนอะ 5555”

#ภูมิใจสาด

pro พ่องงงง

About author

WebBastard.Net

WebBastard.Net

เว็บบล็อกที่จะมา เม้าท์มอย + สอน + แชร์เทคนิค การทำ SEO , Social Media Marketing , Content Marketing , การทำเว็บไซต์ด้วย Blogger และ WordPress รวมถึงการทำ Amazon Affiliate ในลักษณะ "การเล่าสู่กันฟัง" จากประสบการณ์ในการทําเว็บแบบมันส์ๆ ของ JoJho - คนทําเว็บนอกคอก

อยากอ่านต่อ ? ... ขอแนะนำ

Traffic vs Tribe

ในอดีตการสร้าง Traffic ที่มีผลต่อการทำ SEO ยอดนิยม คงจะหนีไม่พ้น วิธีการสร้าง BACKLINKs เรามักจะถูกแนะนำว่า ให้ทำลิงค์เยอะๆ แล้วเอาไป Summit โพสตามเว็บบอร์ดหรือตามเว็บไซต์ต่างๆ ซึ่งเป็นที่ได้ผลดีในช่วงเวลานั้น แต่ ณ วันนี้