สำหรับการทำ SEO … การเลือกคีย์เวิร์ด (KEYWORD) ถือเป็นหัวใจสำคัญอย่างยิ่ง เพราะมันเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการการค้นหา และเป็นจุดเริ่มต้นทั้งของ ผู้ค้นหา , เจ้าของเว็บไซต์ (เจ้าของธุรกิจ) หรือกระทั้ง ผู้ทำ SEO เอง ก็ต้องล้วนเริ่มต้นจาก KEYWORD
Keyword คืออะไร สำหรับคำถามมือใหม่เช่นนี้
ผมแนะนำให้ คุณอ่าน –> บทความนี้ (โดย Content Shifu)
เมื่อคุณอาจจบแล้ว ผมก็ไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่มแล้ว อิอิ (อธิบายละเอียดชิบ … ดีมาก สบายตูเลย 555+)
…
….
…..
แล้ววันนี้ผมจะมานำเสนออะไรล่ะ ?
วันนี้ผมตั้งใจมา นำเสนอ ให้เห็นภาพ เพื่อให้คุณเข้าใจได้ง่ายขึ้น ชัดเจนขึ้น … ว่า
การเลือก KEYWORD นั่นสำคัญขนาดไหน ต่อการทำ SEO
(จะเรียกว่า ผมมาโม้ผลงานตัวเองก็ได้ แต่ผมเชื่อว่า มันน่าจะมีประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย)
กรณีศึกษา การทำ SEO ให้กับเว็บไซต์ประเภทบริการ
เว็บไซต์ที่จะกล่าวถึงนี้ เป็นเว็บที่ผมทำขึ้นให้ลูกค้า ในธุรกิจประเภทบริการ เกี่ยวกับ การจัดฝึกอบรม พวก Training ให้กับองค์กรต่างๆ เป็นบริษัทเล็กๆ ที่ไม่ได้ทำตลาดทางออนไลน์มาก่อนเลย มีเพียงเว็บไซต์เก่าที่ดูธรรมดาๆ ขาดซึ่งความน่าเชื่อถือ เมื่อผมพูดคุยรายละเอียดกับลูกค้าแล้ว จึงมานั่งวิเคราะห์ว่า จะปรับแก้เว็บไซต์ และนำเสนออะไรดี เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ
ในส่วนรายละเอียดอื่นๆ ไม่ว่าจะด้านการวางแผน การตลาดออนไลน์ การทำ SEO … ผมจะขอไม่เล่ามากนัก แต่จะขอหยิบประเด็นเฉพาะที่เกี่ยวกับเรื่อง “Keyword” มาเล่าสู่กันฟัง พร้อมให้ข้อคิดเล็กๆน้อยๆ ละกันนะครับ
+ มาดูกันว่า ผมวิเคราะห์ Keyword ยังไง
แรกเริ่มเดิมที โจทย์ของเราในเคสนี้ คือ บริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการจัดฝึกอบรม
ผมก็ไม่ต้องสนใจอะไรมาก เริ่มมาก็ พิมพ์คำว่า “บริษัทจัดฝึกอบรม” ก่อนเลยใน Google
จากนั้นผมก็เลื่อนลงไปดู ล่างสุด (ตามรูป)
ในส่วนนี้ภาษาทางการเรียกว่า “Google Related Searches”
หลังจากดูเสร็จ ผมก็มานึกเอ๊ะใจว่า ทำไม Google มันแนะนำคำว่า “สถาบันฝึกอบรม” เยอะจังหว่า
ว่าแล้วผมก็เข้าไปเช็คต่อ ใน Keyword Planner
ผลปรากฎว่าเมื่อเช็คคำว่า “บริษัทจัดฝึกอบรม” พบว่า
มีการค้นหาเฉลี่ยต่อเดือน คือ 10 – 100
และมีอัตราการแข่งขันลงโฆษณากันอยู่ในระดับ สูง
ผมจึงเปลี่ยนไปเช็คคำว่า “สถาบันฝึกอบรม” แทน
ผลปรากฎว่าเมื่อเช็คคำว่า “สถาบันฝึกอบรม” พบว่า
มีการค้นหาเฉลี่ยต่อเดือน คือ 100 – 1000
และมีอัตราการแข่งขันลงโฆษณากันอยู่ในระดับ ปานกลาง
แน่นอนผมไม่คิดอะไรมาก เอาตามหลักทฤษฎี เคสนี้ผมจึงฟันธง และแนะนำลูกค้าไปว่า
คุณควรจะมาเล่นคำว่า “สถาบันฝึกอบรม” แทนคำว่า “บริษัทจัดฝึกอบรม” นะครับ สาเหตุเพราะ
1. คนนิยมใช้คำคำนี้ในการค้นหาเยอะกว่า
2. การแข่งขันมันน้อยกว่า (คนลงโฆษณากับ Google มีจำนวนน้อยกว่า อิงตาม Keyword Planner)
ถ้าพูดกันภาษา SEO ก็กล่าวได้ว่า
– คีย์ที่ 2 มัน Volumn มากกว่า เราย่อมได้ Traffic มากกว่า
– แถมคู่แข่งน้อยกว่าอีก ดังนั้นการทำ SEO ก็ยิ่งง่ายกว่า
ด้วยความที่ลูกค้าผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องด้านนี้ ดันมาฟังผมพูดสะดิบดี ดูน่าเชื่อถือ ลูกค้าก็คล้อยตามผม อย่างไม่ต้องสงสัย … (แน่นอนมันทำให้ผม รู้สึกภูมิใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว) (โธ่ JoJho … ไอ้เด็กน้อยเอ๋ย อ่อนหัดแล้วยังคิดว่าแน่อีก)
ว่าแล้ว หลังจากผม Renovate ทำเว็บไซต์โฉมใหม่ ให้ลูกค้าเสร็จแล้ว … ผมก็ปรับ Onpage โดยเน้นโฟกัสไปที่คำว่า “สถาบันฝึกอบรม” แทน ผมก็จัดการให้มันขึ้นอยู่ในอันดับ Top 4 (วนๆอยู่ในอันดับ 1-4) ภายในเวลาประมาณ 4 เดือน หลังจากทำเว็บใหม่เสร็จ
ผลปรากฎว่าเมื่อได้ไปสอบถาม Feedback จากลูกค้า พบว่า
มีคนโทรสอบถามเข้ามามากขึ้น แต่ไม่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่เค้าต้องการจริงๆ
เอ๊ะ … ยังไง อะไรว่ะ … คนโทรไปมากขึ้น แต่ขายไม่ได้ ???
แบบนี้มันต้องมีอะไรผิดพลาดแล้ว !!! JoJho เด็กน้อย
+ วิเคราะห์แต่ Keyword … แต่ลืมวิเคราะห์ธุรกิจ
เมื่อผมได้ฟังอย่างนั้น จึงมานั่งคุยกับลูกค้าใหม่ว่า … สรุปแล้วยังไงกันแน่
– บริษัทคุณเน้นอะไรแน่
– อยากให้คนกลุ่มไหนโทรมาหากันแน่
– ที่ผ่านมาทำอะไรบ้างแล้ว
– ออนไลน์ทำอะไร ออฟไลน์ทำอะไร ยังไง
หลังจาก “เปิดใจคุย” กันแล้ว ทำให้ผมเข้าใจว่า ที่ผ่านมา ผมพลาด !!
ผมมั่วแต่ไปคิด วิเคราะห์ KEYWORD แต่ผมไม่ได้วิเคราะห์ธุรกิจของลูกค้า เลย …
แล้วก็ดันทะลึ่ง ไปแนะนำลูกค้าอีกว่า แบบไหนดีกว่า ทั้งๆที่ (แม่ง) ไม่ได้ดีกว่าเลยในความเป็นจริง
ดีกว่าของผม แต่มันอาจจะไม่ได้ดีกว่า สำหรับลูกค้า
ดีกว่าในแง่ SEO แต่มันอาจจะไม่ได้ดีกว่า ในแง่ธุรกิจ
ในการทำ SEO ถ้าคุณตีโจทย์ไม่แตก … คำว่า “พึงพอใจ” มันย่อมเกิดแน่
ในความหมายของผม คำว่า ตีโจยท์ให้แตก คือ
การวิเคราะห์ Keyword ที่จะทำให้เกิดความพึงพอใจ
ในการทำ SEO นั่นมัน มีหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับประเภทของเว็บไซต์
- ทำ SEO กับเว็บไซต์ประเภท Blog (เน้นพุ่งเป้าที่การหา Traffic จำนวนเยอะๆ เช่นพวกทำ IM สาย Affiliate , พวกทำ Adsense , หารายได้จากติดโฆษณา)
- ทำ SEO กับเว็บไซต์ประเภทธุรกิจ บริษัท ที่เน้นด้านบริการ (Services)
- ทำ SEO กับเว็บไซต์ประเภท Ecommerce Site ขายสินค้า (Products)
รูปแบบ กลยุทธ์ ในการทำ SEO ให้กับเว็บไซต์แต่ละประเภทนั่นแตกต่างกัน โดยเฉพาะด้าน Onpage SEO
การเขียนบทความดีๆ ยาวๆ มีประโยชน์ สร้าง Content คุณภาพมาให้ลูกค้าอ่าน นั่นมันเป็นแนวทางที่เหมาะสำหรับทำกับเว็บไซต์ประเภท Blog
ถ้าโจทย์ของผม คือ
ต้องการขายกางเกงใน
คำถามคือ
คุณจะเขียนบทความเกี่ยวกับ กางเกงใน หรือแนะนำสินค้าที่เป็นกางเกงในของคุณ ยังไงกันให้ ยาว 1500+ word แล้ว google ชอบจนทำให้ติดอันดับ … จากนั้น คนเข้ามาอ่านแล้ว จะกรี๊ดร้องอย่างบ้าคลั่ง จนต้องตัดสินใจสั่งซื้อกางเกงใน จากเว็บคุณ ?
(คือ ทำให้กางเกงในมันขายได้ ประมาณนั้น)
บอกเลยว่า “ยากกกกก” หรือ ไม่ก็คุณต้องสร้างสรรค์มากๆเลย ถึงเขียนได้
(มันทำได้ แต่ไม่เหมาะสม ยกเว้นคุณจะประยุกต์อย่างชาญฉลาด)
แนวทางการทำ SEO การปรับ Onpage ให้กับเว็บขายกางเกงใน ซึ่งเป็น เว็บประเภท Ecommerce Site จึงไม่ใช่การเขียนบทความยาวๆ หรือผลิต Content ที่มีคุณค่ามีประโยชน์ออกมา … เพราะมันไม่ได้ช่วยอะไรมากนักในทางตรง (แต่มันพอจะช่วยทางอ้อมได้แค่นั้น เพราะเป็นการสื่อให้ Google เข้าใจว่า เว็บของเรานั่นเกี่ยวกับ กางเกงใน นั่นเอง)
ที่สำคัญ หากต้องการขายกางเกงในจริงๆ การทำตลาดบน Google (SEO) อาจไม่ใช่ทางเลือกเดียว ทางอื่นยังมี
คุณคิดว่า ระหว่าง
A: ฉันโครตดีใจเลยว่ะ เว็บขายกางเกงในของฉัน ติดอันดับ 1 บน Google 3 ปีมาแล้ว แล้วมันไม่มีทีท่าว่าจะร่วงเลยอ่ะ
B: ฉันขายกางเกงในได้เพียบ ยอดสั่งเยอะเลย ส่งของทุกวันอ่ะ เรียกฉันได้เลยว่าเป็น เจ้าพ่อ/เจ้าแม่กางเกงใน !!!
ความพึงพอใจที่แท้จริง ของ คนอยากขายกางเกงใน คือ ข้อ A หรือ B
ที่หยิบเรื่อง แนวทางการทำ SEO ให้กับเว็บไซต์ประเภทต่างๆ มาบ่นๆให้ฟัง เพราะ เพื่อนๆหลายคน อาจจะยังเข้าใจผิดอยู่ ว่า การเขียนบทความยาวๆ หรือ บทความที่มีคุณค่า เนื้อหาสาระดี เป็นการทำ SEO ที่ถูกต้อง ซึ่งจริงๆแล้วจะว่าไป มันก็ถูกต้องนะครับ … แต่มันถูกต้องไม่ทั้งหมด !!
ไว้มีโอกาสจะมาแนะนำเรื่องเทคนิคการทำ SEO ให้กับเว็บไซต์ประเภทต่างๆ อีกครั้งหนึ่ง
กลับมาเรื่องในวันนี้กันต่อดีกว่า
+ วิเคราะห์ Keyword ยังไงให้เกิดความ “พึงพอใจ”
การวิเคราะห์ Keyword ที่จะทำให้เกิดความ “พึงพอใจ” เราต้องอาศัยการวิเคราะห์ธุรกิจก่อน เพื่อหาคีย์เวิร์ดที่มีความเหมาะสมจริงๆกับธุรกิจนั้นๆ นั่นเอง
พึงพอใจอะไรว่ะ ? …. ก็ยกตัวอย่างในเคสนี้ ความพึงพอใจ ของลูกค้าผม
– ลูกค้าผมไม่ได้ต้องการ คนเข้าเว็บเยอะๆ
– ลูกค้าผมไม่ได้ต้องการ คนโทรมาแล้วเค้าต้องปฎิเสธว่า ไม่ได้รับทำ
KEYWORD ที่พึงพอใจ คือ KEYWORD ที่มันจะก่อให้เกิดรายได้ นั่นหมายถึง Keyword ที่จะช่วยสร้างลูกค้าให้เราได้จริงๆ นั่นเอง (ตรงกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริง)
เมื่อพูดคุยกับลูกค้าแบบเปิดใจกันแล้ว พบว่า
- บริษัทของเค้า เน้นการอบรบในลักษณะลูกค้าที่เป็น กลุ่มองค์กร กลุ่มบริษัท
- และจะเน้นที่ In-House Training (การอบรมภายในองค์กร)
- แต่เค้าไม่ได้เน้นการอบรมแบบ Public Training (การอบรบภายนอกองค์กร)
- ซึ่งส่วนใหญ่ จะมีแนวโน้วที่เป็นการอบรมส่วนตัว อบรมเดี่ยวๆ คือ ใครสนใจก็ไปอบรม หรือเข้าร่วมฟังสัมมนาเพิ่มความรู้กันเอง เฉพาะคน … ไม่เกี่ยวกับที่บริษัทจัดหาให้
- ที่ผ่านมา มีลูกค้าโทรมามีแต่สอบถามเกี่ยวกับ Public Training
- ซึ่งทางบริษัทเคยจัด (แต่ยกเลิกไปแล้ว) เปลี่ยนมามุ่งโฟกัสไปที่ In-House แทน
เมื่อได้ฟังแบบนั้น ทำให้ผมต้องมาวิเคราะห์ใหม่ และก็ได้แนะนำต่อลูกค้าใหม่ ว่า
ถ้าเราเน้น Public Training ->>
ผมมองว่า เราใช้คำว่า สถาบันฝึกอบรม น่าจะตอบโจทย์มากกว่า
เพราะคำว่า สถาบัน น่าจะมีแนวโน้มที่ บุคคลทั่วไป (เฉพาะตัว) จะใช้ค้นหา
ถ้าเราเน้น In-House Training ->>
ผมมองว่า ใช้คำว่า บริษัทจัดฝึกอบรม ดูน่าจะตรงใจกลุ่มองค์กร/บริษัท มากกว่า
หากลูกค้าเป็นองค์กร เค้าย่อมอยากหา บริษัทที่เป็นทางการ เพรามันน่าเชื่อถือมากกว่า
ดังนั้น เราควรเปลี่ยน Keyword ที่จะเล่นเสียใหม่ เราต้องโฟกัสใหม่ โดยกรณีนี้ จะทำให้ยอดคนค้นหาเราอาจจะน้อยลง แต่ จะตรงกลุ่มเป้าหมายที่คุณต้องการจริงๆ มากขึ้น
+ ปรับเปลี่ยน KEYWORD 1 คำ … ชีวิตเปลี่ยน
ว่าแล้วผมก็ไปแก้ Onpage ปรับใหม่ เล็กน้อย แล้วก็รอประมาณ 1 อาทิตย์
โดยไปแก้แค่ TITLE ของเว็บไซต์ ไม่ได้ทำอะไรมากเลย จากเดิมที ที่ตั้งไว้ คือ
ของเดิม :
สถาบันฝึกอบรม iPlus – ศูนย์เรียนรู้และให้คำปรึกษาสำหรับองค์กร
แก้เป็น :
บริษัทจัดฝึกอบรม iPlus – ศูนย์เรียนรู้และให้คำปรึกษาสำหรับองค์กร
ผลลัพธ์คือ อันดับก็กลับมา แต่ยังไม่นิ่งเท่าไหร่นัก โดย คำว่า
– บริษัทจัดฝึกอบรม : มาอยู่ ที่ 4 (จากเดิมอยู่ที่ 23)
– สถาบันฝึกอบรม : ร่วงไปอยู่ที่ 10 (จากเดิมอยู่ที่ 4)
แม้กระทั่งระหว่างคำว่า
บริษัทจัดฝึกอบรม กับ บริษัทฝึกอบรม
แค่เพิ่มคำว่า “จัด” กับไม่มีคำว่า “จัด” อันดับยังต่าง และ ยอดค้นหาก็ยังต่าง
SEO KEYWORD เรื่องพวกนี้แม้จะดูว่า มันเป็นเรื่อง เล็กๆน้อยๆ
แต่เชื่อผมเถอะว่า ละเอียดอ่อนมาก เช่นเดียวกับ Google มันละเอียดมาก
ปรับแค่ TITLE แค่นิดเดียว อันดับก็เปลี่ยนได้ … Google ในยุคสมัยนี้ บอกเลยว่า แม่งโครตเซนซิทีฟ (จริงๆนะ)
แต่ Feedback จากลูกค้าคือ
# เอ คุณโจ้ …อาทิตย์ที่ผ่านมา การค้นหาของลูกค้าดูดีขึ้นเล็กน้อย
เป็นเพราะการปรับคำ หรือเปล่า…ผมลองนึกๆดู
การค้นหาของลูกค้าดูดีขึ้นเล็กน้อย หมายถึง ลูกค้าของผมเข้าได้รับโทรศัพท์ติดต่อมา
จากลูกค้าที่เค้าต้องการจริงๆ นั่นคือ กลุ่มลูกค้าที่เป็นบริษัท/องค์กร นั่นเอง
แม่นแล้วครับ ท่านผู้ชม !!!
แค่ปรับเปลี่ยน KEYWORD 1 คำ … ชีวิตเปลี่ยน !!!
+ เอ้ามา … สรุป
ผมไม่ค่อยรู้เรื่องการวัดผลอะไรหรอกนะครับ ที่ผ่านมาผมอาศัยวัดผลการทำ SEO
จากการดูแค่ ความ “พึงพอใจ” ของลูกค้า อย่างเดียว (เช่น เคสนี้เป็นตัวอย่าง)
วันนี้ …. พวกคุณ ชาว SEO ทั้งหลาย ตีโจทย์กันแตกหรือยังครับ ?
คุณหา Keyword ที่จะทำให้เกิดความ “พึงพอใจ” แก่ตัวคุณเอง (หรือลูกค้า) เจอกันหรือยัง ?
ถ้ายัง ก็อย่าลืม
อย่ามั่วแต่วิเคราะห์ SEO Keyword เพียงอย่างเดียว …
จงพยายามวิเคราะห์และทำความเข้าใจในตัวธุรกิจ (หรือตัวเว็บไซต์นั่นๆ) ด้วย
คุณถึงจะพบกับ … Keyword ที่จะทำให้เกิดความ “พึงพอใจ” ที่แท้จริง
JoJho
คนทำเว็บนอกคอก
แถมอีกเคส ในเว็บเดียวกัน แต่เป็นหน้าอื่น / Keyword อื่น ผมไปปรับแก้เช่นกัน
ของเดิม :
หลักสูตรอบรมด้านการบริหารจัดการ (Management Course)
แก้เป็น :
หลักสูตรอบรมผู้บริหาร (Management Course)
เหตุผลที่แก้เพราะ
เมื่อมาวิเคราะห์ทั้ง Keyword และตัวธุรกิจแล้ว พบว่า
คำใหม่น่าจะคนนิยมใช้ค้นหามากกว่า และตรงกว่าด้วย
ผมมองว่า ในเคสนี้ คนน่าจะค้นหาจาก ตัวประธาน มากกว่า ตัวกริยา
ประธาน = ผู้บริหาร , กริยา = การบริหารจัดการ
ดังนั้น หลักสูตรอบรมผู้บริหาร นั่นย่อมสื่อถึง หลักสูตรด้านการบริการจัดการ นั่นเอง
ทางทฤษฎี เราสามารถ ใช้ได้ทั้งสองคำ เพราะความหมายมันพุุ่งเป้าไปที่ ผลลัพธ์เดียวกัน
แต่ในทางปฎิบัติ และในความเป็นจริง มันมีแนวโน้ว
ที่คนส่วนใหญ่ จะนิยมใช้คำว่า หลักสูตรอบรมผู้บริหาร มากกว่า
เมื่อปรับแค่ คำเดียวเดียว ผลก็เป็นไปตามคาด !!
มันสร้างความ “พึงพอใจ” ได้นั่นเอง ^_^
แล้วแบบนี้ ถ้าไม่เรียกว่า “เปลี่ยน KEYWORD 1 คำ … ชีวิตเปลี่ยน”
จะให้เรียกว่าอะไรละครับ จริงมั้ย ?? 5555+
สวัสดี