การเพิ่ม Traffic ให้กับ Website ถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะการหาคนเข้าเว็บ คือ เป้าหมายแรก ที่เราต้องการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับธุรกิจออนไลน์ (Online Business) ซึ่งการหา Traffic ที่ดีนั้น ควรคำนึงถึงทั้งในส่วน ของ “คุณภาพ” และ “ปริมาณ” ควบคู่กันไป
จากบทความตอนแรก คุณได้รู้แล้วว่า ► Website Traffic คืออะไร ? และมันมีประเภทไหนบ้างที่สำคัญๆ
ในตอนที่ 2 นี้ผมจะนำเสนอเกี่ยวกับ “Traffic Steam” (ช่องทางการได้มาซึ่ง Traffic) หรือที่หลายคน อาจจะคุ้นเคยกับคำว่า “Traffic Source” (แหล่งที่มาของทราฟฟิค) นั่นเอง
แหล่งที่มาหลักของ Website Traffic
การเพิ่ม Traffic ให้กับเว็บไซต์นั้น มีอยู่ด้วยกันมากมายหลายวิธี และในแต่ละวิธีก็มีข้อดีข้อเสีย มีวิธีดำเนินการ และ ความเหมาะสมในการนำมาใช้ที่แตกต่างกันไป … แต่หากต้องกล่าวถึง ภาพรวมของช่องทาง ที่จะนำพามาซึ่ง Traffic แบบมีความเป็นไปได้นั้น เราอาจจะสามารถแยก เป็น 8 ช่องทางหลักๆ ได้ดังนี้
1. Traffic ที่มาจาก การใช้ประโยชน์จากเนื้อหา (Content Leverage)
2. Traffic ที่มาจาก การสร้างความสัมพันธ์ (Relationship Marketing)
3. Traffic ที่มาจาก สังคมออนไลน์ (Online Social Marketing)
4. Traffic ที่มาจาก การทำ SEO (SEO Traffic)
5. Traffic ที่มาจาก การสร้างผลิตภัณฑ์ (Product Creation)
6. Traffic ที่มาจาก อุปกรณ์สื่อสาร (Mobile Traffic)
7. Traffic ที่มาจาก การจ่ายเงินลงโฆษณา (Paid Traffic)
8. Traffic ที่มาจาก ออฟไลน์ (Offline Traffic)
เราไปเจาะลึกดูรายละเอียดของแต่ละช่องทางกันดีกว่า
#1 Content Leverage – Traffic จากการเพิ่มศักยภาพให้กับเนื้อหา
นักการตลาดออนไลน์ส่วนใหญ่ เข้าใจดีว่า ธุรกิจบนโลกออนไลน์ ล้วนขับเคลื่อนด้วย Content แทบทั้งสิ้น ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง เช่น การเขียนบล็อก, การสร้างวีดีโอ เป็นต้น แต่มีนักการตลาดออนไลน์จำนวนมาก ที่ยังไม่รู้ถึง การเพิ่มศักยภาพให้กับ Content ของตัวเอง
วิธีการเพิ่มศักยภาพให้กับ Content หรือ Content Leverage นั้น ถือเป็นส่วนหนึ่งของ Content Marketing
โดยหลักการก็คือ การนำเนื้อหาหลักของ Content (Core of content) มาดัดแปลง แล้วนำเสนอออกมาในรูปแบบที่หลากหลาย นอกเหนือไปจาก การนำเสนอรูปแบบหลัก
ยกตัวอย่างเช่น คุณมีเนื้อหาหลัก และนำเสนอมันออกมาในรูปแบบของ การเขียนบทความ (Article) ใส่ลงในบล็อกส่วนตัวอยู่แล้ว คุณก็อาจจะดัดแปลงเนื้อหานั้น ให้ออกมาในรูปของ Platform อื่นๆ เช่น
• Slideshare – คุณอาจจะนำเนื้อหาหลักไปทำเป็น Power Point แล้วอัพขึ้น Slideshare
• Video – คุณอาจจะใส่เสียง (Vocal หรือ Music) ลงไปใน Power Point แล้วอัพเป็นคลิปลงใน Youtube
• PDF – คุณอาจจะเปลี่ยนบทความในบล็อกของคุณ ให้กลายเป็น PDF
• Podcast – คุณอาจจะเปลี่ยนบทความแบบ Text ให้กลายเป็น “เสียงอ่าน” (Audio) แล้วอัพขึ้น Podcast
• Image – คุณอาจจะสร้าง Infographic ขึ้นมา จากเนื้อหาหลัก แล้วนำไปใส่ใน Pinterest หรือ Instagram
• Email – คุณอาจจะใช้ Email Marketing มาช่วยในการนำเสนอ Content
• Webinars – ถ้าเนื้อหาของคุณละเอียดและมีเยอะ อาจจะจัดเป็น webinars ขึ้น โดยใช้ PowerPoint มาประกอบ
ที่ยกตัวอย่างนี้เป็นเพียงบางส่วน
ข้อดีของการหา Traffic ด้วยวิธี Content Leverage
– มันช่วยประหยัดเวลา ในการสร้างเนื้อหา Content ใหม่ๆ (เพราะคุณใช้เนื้อหาเดิมที่มีอยู่ แต่เอามาแปรรูปใหม่)
– คุณจะได้รับ Backlinks กลับมาที่เว็บไซต์ จากแหล่งที่นำ Content ไปวางไว้
– ถือเป็นการช่วยสร้าง Brand ไปด้วยในตัว
– เป็นช่องทางที่ช่วยสร้าง Traffic ให้กับเราได้เป็นอย่างดี ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
ยกตัวอย่าง คนไทย (ใกล้ตัว) ที่มีการใช้ Content Leverage เช่น
– warrior.in.th (นักรบ ทำธุรกิจ) นำ Core Content จาก บทความในบล็อก แปรรูปเป็น วีดีโอ นำเสนอบน Youtube
– iaumreview.com นำ Core Content ที่เป็น วีดีโอ มาแปลงเป็น บทความ ใส่ลงไปในบล็อก
#2 Relationship Marketing – Traffic จากการสร้างความสัมพันธ์
การสร้างความสัมพันธ์ที่ดี กับเจ้าของธุรกิจอื่นๆ หรือ เจ้าของบล็อกอื่นๆ หรือ คนในวงการ หรือแม้กระทั่งผู้ติดตาม ที่มีความเกี่ยวข้องหรือมีความสนใจใน Niche ของคุณ … ถือเป็นกุญแจสำคัญ ที่จะช่วยทำให้ประสบความสำเร็จได้ในอนาคต ถ้าให้พูดกันแบบชาวบ้านๆ ก็อาจใช้คำว่า “Make Friend” หรืออาจจะคุ้นกับคำว่า “สร้าง Connection”
สำหรับคนที่ชอบเข้าร่วมงานสัมมนา มักจะให้เหตุผลที่สำคัญเหตุผลหนึ่งที่ว่า
“ผมเข้าร่วมสัมมนา เพราะต้องการไปสร้าง Connection”
Seminar นี่ถือได้ว่าเป็น Relationship Marketing ที่ดีอย่างหนึ่ง …
แต่การสร้าง Connection หรือ Make Friend นั้น จริงๆยังสามารถ ทำได้อีกหลากหลายวิธี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณอยู่ในยุคปัจจุบัน ยุคแห่งสังคมออนไลน์ ที่สามารถติดต่อสื่อสารกันได้อย่างไร้พรหมแดน
(หากโอกาสเหมาะสม ผมจะแนะนำเคล็ดลับ ที่ผมใช้ในการสร้าง Connection โดยไม่ต้องเข้าร่วมสัมมนา ^_^)
สำหรับ Website Traffic ที่มาจาก Relationship นี้ โดยทั่วไปอาจจะทำได้ ในรูปแบบของ
• การใช้ Guest Posting
• การเขียน Comment ลงไปในบล็อกของ คนที่เราอยากสร้างสัมพันธ์ด้วย
• การสร้าง Tribe เป็นของตัวเอง (อ่านเกี่ยวกับ ► Internet Tribe)
• การลิงค์ไปยังบทความของบล็อกอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของเรา
• การแนะนำเว็บไซต์อื่นๆ (หรือโพส) ในเว็บไซต์ของคุณ
• การส่ง Email ส่วนตัวไปสร้างความสัมพันธ์ (ไม่ว่าจะ สอบถาม ติ-ชม แนะนำ ฯลฯ)
• การขอแลกเปลี่ยน Ads
• การขอเป็น Partner
เหล่านี้เป็นต้น ซึ่งการหา Traffic จากการสร้างความสัมพันธ์นี้ ถือว่า มีพลังมากทีเดียว
ข้อดีของการหา Traffic ด้วยวิธี Relationship Marketing
– หากเจ้าของเว็บ/บล็อก/ธุรกิจ อื่นๆ มีการกล่าวถึงตัวเรา จะช่วยเพิ่ม Referral Traffic ให้กับเว็บได้เป็นอย่างดี
– หากเจ้าของเว็บ/บล็อก/ธุรกิจ อื่นๆ มีการลิงค์มาที่เว็บเรา ถือเป็นการสร้าง Organic Link Building (ช่วย SEO อีก)
– เป็นการช่วยโปรโมทแบรนด์เราไปในตัว
– เป็นช่องทางที่ช่วยสร้าง Traffic ให้กับเราได้ในระยะยาว
#3 Online Social Marketing – Traffic จากสังคมออนไลน์
สังคมออนไลน์ ที่กล่าวถึงนี้ หมายถึง การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลผ่าน Platform ต่างๆบนโลกอินเตอร์เนต
• Social Media
• Instant Messaging
• Communities Website / Blog
• Forums / Webboard
[ Social Media ]
Social Media ใช้ในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้คน และถือเป็นช่องทางที่ดีที่สุด ในการหาฐานคนดูที่ตรงตามกลุ่มเป้าหมาย อีกทั้งยังเป็นช่องทางที่รวดเร็ว สำหรับใช้สร้าง Brand Awareness ให้กับธุรกิจ และที่สำคัญคือ มันมีส่วนช่วยในเรื่องของ SEO
คำถามข้อแรก คือ “จะเลือกใช้ Social Media ตัวไหน มาใช้ในการช่วยเพิ่ม Traffic ให้กับ Website ?”
คุณอาจจะได้รับคำแนะนำมา “เค้าว่าต้องใช้ตัวนั้น หรือไม่ก็ต้องใช้ตัวนี้” หรือ อาจจะเห็นว่าตัวนี้ “คนใช้เยอะ”
การเลือกใช้ Social Media เพียงเพราะทำตามกระแสนั้น เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะว่า ธุรกิจ/เว็บไซต์ แต่ละประเภทนั้น มีความแตกต่างกัน … ดังนั้น สิ่งที่คุณควรจะทำ คือ ค้นคว้าวิจัย (Research) , สังเกต (Observe) และ ติดตาม (Track)
คุณควรเลือกใช้ Social Media ตัวที่เหมาะสม กับธุรกิจหรือเว็บไซต์ของคุณ
คุณควรเลือกใช้ Social Media ตัวที่คุณถนัด หรือที่คุณชอบ (และฝึกฝนมันให้ชำนาญ)
Social Media Platform ยอดฮิต ที่มีจำนวนคนใช้งานเยอะๆ ได้แก่
– Facebook
– Twitter
– Instagram
– Youtube
– Google+
– Pinterest
– LinkedIn
– Reddit
– Snapchat
– Vine
– Yik Yak
– Tumblr
– Medium
– Quora
– Periscope
– Beme
(ในประเทศไทย ก็คงหนีไม่พ้น 5 ตัวแรก)
แต่อย่าเพิ่งคิดว่า Social Media มีเพียงเท่านี้ … เพราะความจริงแล้วมันยังมีอีกมายมาย
Wikipedia ได้ทำ ลิสต์ไว้ เป็นจำนวนมากกว่า 200 ของ ► Social Networking Websites
[ Instant Messaging ]
Instant Messaging หรือ Online Chat หรือที่เรานิยมเรียกกันว่า “โปรแกรมแชท” ถือเป็นอีกหนึ่ง Platform ของสังคมออนไลน์ ที่สามารถช่วยสร้าง Traffic ให้กับ Website ของเราได้ ไม่ว่าจะเป็น
– Line
– WhatsApp
– BBM
– Facebook Messenger
– Skype MSN
– WeChat
– Snapchat
– Viber
– Linkedln
ยกตัวอย่าง ที่กำลังเป็นที่นิยม ► Line@ (ไลน์แอท) ที่สามารถส่งข้อความแบบ Broadcast ได้
ก็สามารถนำมาใช้ ในการสร้าง Traffic ให้กับ Website ของเราได้อย่างดีทีเดียว
[ Communities Website / Blog ]
เว็บชุมชนออนไลน์ นี้ เมื่อสมัครเป็นสมาชิกของเว็บนั้นๆแล้ว เราก็อาจจะสามารถโพส ลงประกาศ หรือ คอมเม้นท์ ในเว็บเหล่านั้น ซึ่งอาจจะสร้างโอกาสในการแนะนำหรือโปรโมทเว็บไซต์ของตัวเราเองได้ ตัวอย่างชุมชุนออนไลน์ ที่เป็นเว็บไซต์ของไทย ที่รู้จักกันดี เช่น Dek-D.com , Eduzones.com , DDproperty.com เป็นต้น
สำหรับการหา Traffic จาก เว็บชุมชนออนไลน์ … สิ่งสำคัญก็คือ
คุณควรจะหาเว็บที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องสอดคล้องกับเนื้อหาในเว็บไซต์ของคุณ
[ Forums / Webboard ]
ฟอรั่ม หรือ เว็บบอร์ด เป็น Platform ของสังคมออนไลน์ในยุคแรกๆ ที่แม้ในปัจจุบันอาจจะมีความสำคัญลดลงไป แต่ก็ยังถือเป็นอีกช่องทาง ในการหา Traffic ที่มีประสิทธิภาพมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งแล้วกับฟอรั่มใหญ่ๆ (ของไทยเรา ก็เช่น Pantip.com)
ฟอรั่มหรือเว็บบอร์ดนี้ ให้ประโยชน์แก่เราในเรื่องของ
– ช่วยสร้าง Traffic ให้กับเว็บไซต์ของเราได้
– ช่วยสร้าง ความสัมพันธ์
– ช่วยสร้าง Backlinks
โดยหัวใจสำคัญ คือ การเลือกเว็บบอร์ด ที่เราจะนำมาใช้เป็นช่องทางสร้าง Traffic เช่นเดียวกันกับเว็บชุมชนออนไลน์
– คุณควรเลือกเว็บบอร์ดที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ Niche ของคุณ (Relevance)
– คุณควรเลือกเว็บบอร์ดที่มีชื่อเสียง บอร์ดดังๆ บอร์ดใหญ่ๆ (Authority)
เช่น กรณีของบล็อก Webbastard นี้ เว็บบอร์ดที่เหมาะแก่การหา Traffic คงหนีไม่พ้น ThaiSEOBoard.com
(สมาชิกไทยเสียวท่านใด จะช่วยนำบทความนี้ไปโพส ก็ยินดีนะครับ เพราะ ผมไม่มี Account >.< สมัครไม่ได้)
ดังนั้นแล้ว หากเนื้อหาของเว็บไซต์ของคุณเกี่ยวข้องหรือกล่าวถึงเรื่องอะไร ก็ควรที่จะไปหาฟอรั่มหรือเว็บบอร์ด ที่พูดถึงเรื่องนั้นๆ ซึ่งนอกเหนือจาก ในเรื่องของการหา Traffic แล้ว คุณยังอาจจะได้รับข้อมูล ความรู้ ข่าวสารต่างๆ เป็นโบนัสแถมกลับมาอีกด้วย
ข้อดีของการหา Traffic ด้วยวิธี Online Social Marketing
– เป็นช่องทางการหา Traffic ที่ง่าย และ รวดเร็ว
– เป็นช่องทางที่ช่วยในการสร้างความสัมพันธ์ ได้เป็นอย่างดี
– เป็นช่องทางที่รวดเร็ว สำหรับใช้สร้าง Brand Awareness
– เป็นช่องทางที่ช่วยสร้าง Traffic ให้กับเราได้เป็นอย่างดี ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
– เป็นส่วนสำคัญ ต่อการช่วยในเรื่อง SEO
#4 SEO – การทำ SEO เพื่อเพิ่ม Traffic จาก Organic Search
ก่อนอื่น สำหรับคนที่ไม่คุ้นกับคำนี้มาก่อน คุณสามารถอ่านได้จาก ► SEO คืออะไร
การเพิ่ม Traffic ให้กับ Website ด้วยการทำ SEO นั้น คือสิ่งที่หลายๆคนต้องการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแล้ว หากคุณทำธุรกิจบนโลกออนไลน์ … เพราะ Traffic จาก Search Engine ถือได้ว่า มีคุณภาพเป็นอย่างมาก เนื่องจากคนเข้าเว็บไซต์ ที่มาจากการค้นหาจาก Google มักจะอยู่ในกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการ และมีแนวโน้มสูง ที่เขาอาจจะกลายมาเป็น ลูกค้าของเรา หรือ ผู้ติดตามเรา
แต่ในบางธุรกิจ / เว็บไซต์ ก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพา SEO ในการหา Traffic
(สำหรับเทคนิคการทำ SEO ผมจะขอไม่พูดถึง ในบทความนี้ ติดตามอ่านในบทความอื่นๆแทนนะครับ)
ข้อดีของการหา Traffic ด้วยวิธีการทำ SEO
– เป็นช่องทางที่ทำให้เราได้ Traffic ที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย อย่างแท้จริง
– เป็นช่องทางที่ช่วยสร้าง Traffic ให้กับเราได้ดีมากๆ ในระยะยาว
– แม้จะต้องใช้เวลานาน แต่ก็ให้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่า
#5 Product Creation – Traffic จากการสร้างผลิตภัณฑ์
หลายคนอาจจะคาดไม่ถึงว่า การมีผลิตภัณฑ์ของตัวเอง จะช่วยในการหา Traffic เข้าเว็บไซต์ได้
Product หรือ ผลิตภัณฑ์ หรือ สินค้า ที่กล่าวถึงนี้ ผมหมายถึง กลุ่มสินค้าประเภท Digital Product เช่น
• Ebook
• DVD
• Video
• Image
• Software (หากคุณเป็นนักพัฒนาโปรแกรม)
ซึ่งเมื่อคุณมี Product ของตัวเองแล้ว ช่องทางที่จะโปรโมทสินค้าก็มีหลายหลาก ตามแต่ละประเภทของ Product เช่น
+ ถ้า Product เป็นพวก Software ก็อาจจะใช้ระบบ Affiliate Marketing Program อย่าง
– Clickbank.com
– cj.com (Commission Junction)
– ShareASale.com
– JVZoo.com
– Skimlinks.com
– VigLink.com
+ หรือจะโปรโมทและขายสินค้าในรูปแบบของ WSO (Warrior Special Offer) ผ่านทาง Warriorforum.com
+ ถ้า Product เป็นพวก Ebook ภาษาอังกฤษ ก็อาจจะเป็น Amazon Kindle
(สำหรับ Kindle แนะนำ ขอความรู้ได้จากผู้มีประสบการณ์ พี่นิดหน่อย ► passiveincomeebook.com)
+ ถ้า Product เป็นพวก Ebook ภาษาไทย คุณก็อาจจะสร้างเว็บมาขายและโปรโมทเอง หรือ เข้าร่วมกับ E-Book Publisher เช่น
– Ookbee.com
– Mebmarket.com
– ebooks.in.th
– hytexts.com
+ ถ้า Product เป็นพวก คอร์สออนไลน์ (Video) คุณก็อาจจะเข้าร่วมกับ
– Skilllane.com (ของไทย)
– Taladpanya.com (ของไทย)
– Udemy.com
– Skillshare.com
สำหรับ Product Creation นี้ ไม่ว่าคุณจะสร้างมาเพื่อไว้จำหน่าย หรือ แจกฟรี ก็ตาม สินค้าเหล่านี้ คุณสามารถที่จะแทรกหรือแนบ ลิงค์ หรือ แบรนด์ หรือ โลโก้ ซึ่งแน่นอนว่า หากสินค้าดี มีคุณภาพ เป็นที่ชื่นชอบ ก็อาจจะมีการแชร์บอกต่อๆกัน จนคนเกิดความสนใจ อยากรู้ถึงแหล่งที่มา ทำให้เป็นการช่วยสร้าง Traffic ทางอ้อมให้กับเราได้
ข้อดีของการหา Traffic ด้วยวิธี Product Creation
– เป็นช่องทางที่สามารถทำได้ในทุกช่วงเวลาของธุรกิจ
– เป็นช่องทางที่ช่วยสร้าง Traffic ให้กับเราในระยะสั้นๆ ได้อย่างรวดเร็ว
– สินค้าบางประเภท สามารถช่วยสร้าง Traffic ให้กับเราได้ระยะยาว
#6 Mobile – Traffic จากอุปกรณ์มือถือ
ทราฟฟิคจากมือถือ หรือ Mobile Traffic ในที่นี้ หมายถึง คนที่เข้าเว็บไซต์ของเรา ผ่านทางอุปกรณ์มือถือ ไม่ว่าจะเป็น Smartphone หรือ Tablet เป็นอีกหนึ่งช่องทางสำคัญที่เราไม่ควรมองข้าม เพราะจากสถิติ จำนวนคนใช้งานมือถือในการเข้าชมเว็บไซต์นั้น มีเพิ่มสูงมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อพูดถึง Mobile เราอาจจะแบ่งออกได้เป็น
• Mobile App – การสร้าง Application สำหรับใช้งานบนมือถือ
• Mobile Site / Responsive Design Site – การทำเว็บให้รองรับการใช้งานบนมือถือ
คุณสามารถอ่าน ► ความแตกต่างระหว่าง Mobile App, Mobile Site และเว็บแบบ Responsive
และอ่าน ► วิธีเช็คว่า เว็บไซต์ของคุณ รองรับการดูบน SmartPhone หรือไม่ (ภายใน 1 วิ)
สำหรับการสร้าง App นั้น ในปัจจุบันมีความนิยมสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยส่วนตัวแล้วผมยังไม่ได้เข้าไปศึกษาด้าน Mobile App โดยตรง แต่หากใครสนใจ ที่อยากจะลองสร้าง App บนมือถือ แต่ไม่ค่อยมีพื้นฐานอะไรมากนัก คุณอาจจะลองเข้าไปสมัครใช้งาน กับเว็บไซต์ สำหรับใช้สร้าง Mobile App / Mobile Site โดยเฉพาะในรูปแบบง่ายๆด้วยตัวคุณเอง ผ่านทาง
– buildfire.com
– como.com
– dwnld.me
– swebapps.com
– onbile.com
– appmakr.com
– appypie.com
และสำหรับคนใช้งาน WordPress คุณสามารถเปลี่ยนเว็บของคุณให้กลายเป็น App ได้ด้วย ผ่านทาง
– mobiloud.com
– ideapress.me
ข้อดีของการหา Traffic จากมือถือ
– เป็นช่องทางที่ช่วยสร้าง Traffic ให้กับเราทั้งในระยะสั้นๆและระยะยาว
– Traffic จาก Mobile มีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะจำนวนผู้ใช้งานมือถือมีสูงขึ้นเรื่อยๆ
– การทำเว็บให้ Mobile-Friendly จะทำให้คนดูมีความสะดวก ต่อการใช้งานผ่านมือถือ
– การทำเว็บให้ Mobile-Friendly มีผลต่อการทำ SEO เพราะ Google ได้มี Algorithm ใหม่สำหรับ Mobile โดยเฉพาะ
#7 Paid – Traffic จากการจ่ายเงินลงโฆษณา
“ใช้เงิน สร้าง Traffic” ตรงๆ ตามนั้น ไม่ต้องอธิบายอะไรมาก … ยกตัวอย่าง เช่น
• Google Adwords – ลงโฆษณากับ Google
• Facebook Ads – ลงโฆษณากับ Facebook
• Youtube Ads – ลงโฆษณากับ Youtube
• Banner Ads – ติดป้ายโฆษณา กับเว็บไซต์/บล็อก ที่คิดว่าจะสร้าง Traffic ให้เราได้
• Links Ads – ซื้อลิงค์ลงโฆษณา กับเว็บไซต์/บล็อก ประเภท แหล่งรวม/ชุมชน
• Native Ads – จ่ายเงินเพื่อให้บุคคลหรือเว็บไซต์พูดถึงเราแบบเนียนๆผ่าน Content (โฆษณาแฝง)
• Influence Marketing – จ่ายเงินเพื่อให้บุคคลหรือเว็บหรือบล็อก ที่มีชื่อเสียง ทำตลาดให้กับเรา
ข้อดีของการหา Traffic ด้วยวิธีเสียเงินลงโฆษณา
– เป็นช่องทางที่ช่วยสร้าง Traffic ให้กับเราในระยะสั้นๆ ได้อย่างรวดเร็ว
– เป็นช่องทางที่สามารถสร้าง Traffic ให้กับเราได้เป็นจำนวนมาก (ตามงบประมาณ)
– คุ้มค่ามาก หากรู้จักวางแผนใช้เงินลงโฆษณาอย่างชาญฉลาด
#8 Offline – Traffic จากช่องทางอื่นๆ ที่ไม่ใช่ Online
การหา Traffic ทาง Offline เป็นวิธีที่ปฎิบัติกันมานานแล้ว และยังคงใช้ได้ผลในปัจจุบัน เช่น
• การบอกต่อ ปาก-ต่อ-ปาก (มีพลังอย่างยิ่ง)
• นามบัตร
• ใบปลิว / แผ่นพับ / โบรชัวร์
• โปสเตอร์ / ป้ายโฆษณา
• เสื้อยืด (หรือสินค้าอื่นๆ) ที่ใส่ ชื่อเว็บเราไว้
• งานอีเว้นท์ / งานนิทรรศการ
สรุป
จากทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้น ผมเชื่อว่าคุณจะได้ไอเดีย ในการหา ช่องทางเพิ่ม Traffic กับให้ Website ได้บ้างไม่มากก็น้อย สิ่งที่ควรเริ่มต้นทำ คือ การหาข้อมูลดูว่า ช่องทางไหน เหมาะสมที่สุดสำหรับธุรกิจหรือเว็บไซต์ของคุณ หากไม่แน่ใจว่าจะเลือกช่องทางไหนดี ก็ให้เอาช่องทางที่คุณคิดว่าถนัดที่สุด หรือ มีความชอบความสนใจมากที่สุด และทำตาม Step ดังต่อไปนี้
1. โฟกัสไปที่ช่องทางใดช่องทางหนึ่ง
2. ศึกษาเรียนรู้ ถึงกระบวนการ ให้เข้าใจอย่างแท้จริง
3. ใช้ช่องทางนั้นในการ เพิ่มทราฟฟิค ให้กับเว็บ
4. ทำอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ จนเกิดความชำนาญ
5. จากนั้นค่อยมุ่งโฟกัสไปที่ช่องทางใหม่ (และกลับไปที่ข้อแรก)
(เรื่อง Traffic นี้ อาจจะมีต่อ ภาค 3 …. รอดูกระแส และ คำอนุมัติจากผู้อำนวยการสร้างก่อนนะครับ)
JoJho
คนทำเว็บนอกคอก
หมายเหตุ : ผมหยุดทำงาน 3 วัน เพื่อรวบรวมข้อมูลและนั่งเขียนบทความนี้ หากคิดว่ามีประโยชน์ ช่วยกันแชร์ด้วยนะครับ 🙂 (ล้อเล่นนะ … จริงๆ หยุดแค่ 2 วัน :p 555+)